ทำประกันแล้ว “ขาดทุน”
ยังไม่น่ากลัวเท่าครอบครัว “ขาดคุณ”
.
หัวหน้าครอบครัวหลายคนมักคิดว่าทำประกัน “ขาดทุน”
เนื่องด้วยผลตอบแทนทางการเงินของประกันชีวิตต่ำกว่าการลงทุนอื่น
.
แต่ประกันชีวิตไม่ใช่ “สินค้า” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ
สร้างผลตอบแทนทางการเงิน แต่เพื่อปกป้อง “ผู้หาเงิน”
.
ลองดูตัวอย่างนี้น่าจะเห็นภาพชัด
สมมติคุณซื้อประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งมาได้ 5 ปี
รถคันโปรดของคุณ ไม่เคยเฉี่ยวชนเลยสักครั้ง
ตัวคุณเองก็ไม่เคยประสบอุบัติเหตุจนต้องเรียกประกัน
คุณจะบอกไหมว่า
.
“ทำประกันรถยนต์แล้วขาดทุนจัง
แหมเสียดาย ฉันน่าจะได้เคลมสักหน่อย
เสียดายเบี้ยประกันที่จ่ายไปตั้งหลายปี”
คุณจะไม่พูดนั้นแน่นอน จริงไหมครับ?
.
การทำประกันชีวิตก็เช่นเดียวกัน
เราต่างทำประกันชีวิตไม่ใช่เพราะ
“กำไร” หรือ “ขาดทุน”
แต่เพราะต้องการปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของคุณ
นั่นก็คือ “ความสามารถในการหารายได้”
หรือฝรั่งเรียก “Earning Ability”
.
วันนี้ที่ครอบครัวยังอยู่สุขสบาย
ได้เห็นรอยยิ้มคนทั้งบ้าน ทุกคนกินอิ่มนอนหลับ
เพราะ “ความสามารถในการหารายได้” ของคุณย้งอยู่
แต่ถ้ามันหายไป คงไม่ต้องบรรยายว่า
ครอบครัวจะโกลาหลเพียงใด
น้ำตาของแม่หม้ายและลูกกำพร้า ไม่ได้มีแค่ในนิยาย
แต่มีในชีวิตจริงได้ หากพ่อไม่ตระหนักถึง “การป้องกัน”
.
ดังนั้นทำประกันชีวิตอย่ากลัว “ขาดทุน”
แต่ให้กลัว “ขาดคุณ” จะดีกว่า
.
ก่อนจบบทความขอบอกอะไรสักอย่าง
สำหรับบริษัทประกันรถยนต์
หากรถคุณไม่มีอุบัติเหตุตลอด 5 ปี
เขาไม่มีเงินคืนให้คุณสักบาท
แต่...
ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองค่าความสามารถ
หากคุณอยู่รอดปลอดภัย ไม่เป็นอะไร
บริษัทประกันชีวิตมี “เงินคืน” ให้คุณครับ
นั่นแปลว่าไม่ว่าจะออกมารูปแบบไหน
คุณและครอบครัวชนะทั้งสองทาง!!!
.
สุดยอดไอเดีย ใช่ไหมล่ะครับ
.
เมื่อรู้ดังนี้แล้ว อย่ารอช้า
เพราะ
“ทำประกันชีวิตเร็วไปหนึ่งปี ดีกว่าทำช้าไป 1 วัน”