ไม่สำคัญว่าคุณหาเงินได้มาเท่าไหร่
สำคัญว่าคุณ “เหลือ” ให้คนข้างหลังเท่าไหร่
คุณว่าจริงไหมครับ?
.
คนเก่งๆ หลายคนเงินเดือนหลายหมื่น หลายแสน
เมื่อมีรายได้มาก ไลฟ์สไตล์ก็จะสูงขึ้นตามฐานรายได้
.
บ้านหลังเล็กกลายเป็นบ้านหลังใหญ่
เงินผ่อนบ้านรายเดือนก็สูงขึ้น
.
รถคันเล็กกลายเป็นรถหรูคันงาม
เงินค่าผ่อนรถก็สูงขึ้น
พ่วงมาด้วยค่าประกันรถที่ราคาสูงตามแบรนด์รถ
.
เสื้อผ้า อาหารการกิน ไลฟ์สไตล์ดีขึ้น
ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในครอบครัวสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
.
เห็นด้วยไหมครับว่า...
ชีวิตที่ดีงามทั้งหมดนี้ล้วนมาจาก “รายได”
ของหัวหน้าครอบครัวทั้งสิ้น
.
ชีวิตล้วนเป็นเรื่องของ “ความไม่แน่นอน” ทั้งสิ้น
คุณหมอกระต่าย หมอสาวอนาคตไกล
ความหวังของคุณพ่อคุณแม่ ท่านต้องมาจากไป
เพียงเพราะข้ามถนนในวันนั้น
คุณแตงโมดาราสาวชื่อดังของประเทศไทย
ใครจะรู้ว่า วันนั้นที่เธอลงเรือสปีดโบทลำนั้น
จะเป็นวันสุดท้ายแห่งชีวิต
นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจของคนทั้งประเทศ
.
ทั้งสองท่านก็เป็นผู้หารายได้คนสำคัญของครอบครัว
แต่วันนี้เมื่อทั้งสองท่านไม่อยู่ รายได้ก็ไม่อยู่
.
เราทุกคนต่างล้วนมีชีวิตที่ต้องมีทั้ง
รายรับ และ รายจ่าย
รายรับ เป็น เรื่องชั่วคราว
เพราะตัวเรายังอยู่ รายได้ยังอยู่
แต่รายจ่าย เป็น เรื่องถาวร
ถึงตัวเราไม่อยู่ รายจ่ายในครอบครัวยังอยู่
และยังต้องมีคนจ่ายเสมอ
จริงไหมครับ?
.
แล้วอะไรล่ะที่แก้ปัญหานี้ได้
คำตอบคือ “ประกันชีวิต”
.
ประกันชีวิตถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ไม่มีสินค้าใดในโลกนี้แก้ปัญหาที่ว่า
เมื่อมีใครบางคนจากไป ต้องมีการชดเชยค่าเสียหาย
.
บริษัทประกันชีวิตต้องชดเชยค่าเสียหาย
เป็นตัวเงินตามที่ผู้เอาประกันได้ประกันค่าความสามารถตนเองไว้
.
ไหนๆ ก็รักพวกเขาแล้ว ทำทุกอย่างก็เพื่อพวกเขา
ทำเพิ่มขึ้นอีกสักเรื่องคือ “ประกันรายได้” ให้พวกเขา
เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาจริงๆ
คุณยังได้ทิ้งสิ่งที่คนข้างหลังจำเป็นต้องใช้เอาไว้แล้ว
นั้นก็คือ “รายได้” ของคุณ
.
ดังนั้นหากคุณเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า
“ไม่สำคัญว่าหาได้มากเท่าไหร่
สำคัญว่าเหลือให้คนข้างหลังเท่าไหร่”
.
ประกันชีวิต คือคำตอบของปัญหาที่คุณกำลังกังวล
“ประกันชีวิต..หากทำเร็วไปหนึ่งปี ยังดีกว่าทำช้าไปหนึ่งวัน”
จริงไหมครับ?