❌ประกันชีวิต ไม่ใช่เป็นการสร้าง “ภาระ”
✅ประกันชีวิต เป็นการสร้าง “ทรัพย์สิน” ที่แท้ทรู
.
อย่าเพิ่งเชื่อ หรือบอกว่าโม้ จะขายล่ะสิ ถึงพูดแบบนี้
อ่าน..แล้วพิจารณาด้วยตัวคุณเองเถิด
.
ถ้าคุณเอาเงินไปฝากธนาคาร 1 ล้านบาท
คุณจะพูดไหมว่า ยอดเงินหนึ่งล้านในบัญชีเป็น “ภาระ”
.
ถ้าคุณเอาเงินหนึ่งล้านบาทไปซื้อทองคำแท่ง
คุณจะพูดไหมว่า ทองคำแท่งที่เก็บในเซฟเป็น “ภาระ”
.
ถ้าคุณเอาเงินหนึ่งล้านบาทไปซื้อหุ้น
คุณจะพูดไหมว่า หุ้นในพอร์ตของคุณเป็น “ภาระ”
.
คุณจะบอกว่า “โนววววว์ เป็นทรัพย์สินทั้งนั้น”
จริงไหมครับ?
.
เช่นเดียวกัน
คุณซื้อประกันชีวิตด้วยทุนประกัน 1 ล้านบาท
ก็พูดได้ว่าคุณมีทรัพย์สินเป็นเงินสดหนึ่งล้านบาท
ให้ทายาทเรียบร้อยแล้ว
.
✅ความเหมือน
ประกันชีวิตเป็นวิธีการสร้างหลักทรัพย์รูปแบบหนึ่งเช่นกัน
เศรษฐีในประเทศที่เจริญแล้วซื้อประกันชีวิตแทบทั้งนั้น
ยิ่งรวยมาก ยิ่งซื้อมาก
แต่จริงๆ แล้ว..
ยิ่งคนไม่มีเงิน ยิ่งจำเป็นต้องซื้อประกันชีวิตมากกว่า
เพราะไม่มีเงิน แสดงว่าไม่มีหลักทรัพย์อันใดให้คนข้างหลัง
หากจากไปก่อน สถานการณ์ครอบครัวแย่ลงแน่นอน
????ความต่าง
1.ทรัพย์สินอื่นๆ ต้องใช้เงิน 100% ไปซื้อ
ประกันชีวิตใช้เงินเพียง 2-3% ซื้อทรัพย์สิน
เช่นซื้อทองสิบบาทก็ต้องจ่ายเต็มราคาทองจึงได้ทองกลับมา
แต่ซื้อประกันหนึ่งล้านจ่ายเบี้ยเพียง 2-3 หมื่นบาท
2.หากคุณสร้างทรัพย์สินด้วยเงินผ่อน
เช่นผ่อนที่ดิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ
????????คนผ่อนตาย => เงินที่ผ่อนมาแต่ต้น เขายึดได้ทั้งหมด
????????คนผ่อนพิการ => ไม่มีเงินผ่อนต่อ เขาก็ยึด
แต่คุณผ่อนเงินก้อนโตในกรมธรรม์ประกันชีวิต
❇️เสียชีวิต => บริษัทประกันจ่าย 100% ให้ทายาท
❇️พิการ => บริษัทประกันช่วยผ่อนต่อ
ด้วยการฝากเบี้ยประกันแทน
มรดกก้อนนี้ก็ถึงมือทายาทอยู่ดี
3.ทรัพย์สินประเภทอื่น เมื่อเจ้าของเสียชีวิต
อาจถูกอายัดเพื่อชำระภาษีมรดกเสียก่อน
ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอน จิปาถะ
เช่นโอนบ้าน โอนที่ดิน โอนรถ
เสียค่าธรรมเนียมทั้งนั้น
แต่…เงินจากประกันชีวิต รับเป็นเงินสด 100%
ปลอดภาษี จ่ายได้ทันทีไม่มีถูก “อายัด”
ดังทรัพย์สินอื่นๆ
ยังมีความต่างอีกหลายเรื่อง เกรงจะบทความจะยาวเกินไป
จนอ่านกันไม่ไหวและมึนตึ่บ ????
ผมจะค่อยๆ ย่อยมาให้อ่านอีกครับ