ถ้าครอบครัวของคุณจำเป็นต้อง “พึ่งพารายได้” จากคุณ
คุณเองก็จำเป็นต้องพึ่งพา “ประกันชีวิต”
.
เห็นด้วยไหมครับว่า การที่ลูกๆ ภรรยา
หรือ พ่อแม่ที่แก่ชราของคุณ มีชีวิตที่สุขสบาย
พวกเขายิ้มได้ หัวเราะได้ ก็เพราะ “คุณ”
หรือถ้าให้ตรงประเด็นคือเพราะ “รายได้ของคุณ”
.
หัวหน้าครอบครัวหลายคนถูกโจรปล้นรายได้ไปจนหมด
โจร 3 คนที่ว่านี้ ตามเราทุกคน มันตามไปทุกหนแห่ง
คอยจ้องหาจังหวะขโมยทุกอย่างไปจากครอบครัว
.
โจรคนที่หนึ่งชื่อ “ความพิการทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง”
โจรคนที่สองชื่อ “โรคร้ายแรง ชื่อเล่นคือ โรคฉิบหาย โรคล่มจม”
โจรคนที่สามชื่อ “ความตายก่อนวัยสมควร”
.
หากโจรสามตนนี้เข้าถึงตัวคุณเมื่อไหร่
มันจะพราก “ความสุข และ รอยยิ้ม”
ของคนที่คุณรักไปจนหมดสิ้น
.
แล้วคนในประเทศที่เจริญแล้วเขาแก้ปัญหานี้กันยังไง?
ทำไมผู้คนในประเทศเขาจึงไม่เดือดร้อนกัน
เมื่อถูกโจรสามตนนั้นมาขโมยรายได้ไป
คำตอบคือ...
เขามีตำรวจชื่อ “ประกันชีวิต” คอยปราบปรามโจรร้ายได้อยู่หมัด
.
ทำอย่างไรน่ะหรือ ผมจะเล่าให้ฟัง
.
ถ้าคุณเอาเงิน 10,000 บาท ไปฝากธนาคาร
แล้วฝากไปเพียงปีเดียว ผู้ฝากเสียชีวิตกะทันหัน
ธนาคารจะชดเชยเป็นเงิน 40 เท่าของเงินที่ฝากไปไหมครับ
ธนาคารจะยอมจ่าย 400,000 บาท
ให้ครอบครัวผู้ฝากไหมครับ?
.
ถ้านักลงทุนเอาเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น
แล้วปีต่อมา นักลงทุนคนนั้นเสียชีวิต
ครอบครัวของเขาจะขายหุ้นได้เงิน
40 เท่าของเงินลงทุนทันทีไหมครับ?
.
คำตอบของทั้งสองคำถามด้านบนคือ…
“ไม่ได้”
.
มีเพียงที่เดียวที่ให้คุณ 40 เท่าได้ คือ “บริษัทประกันชีวิต”
.
เพราะ…
“เงินอยู่ต่างที่ ทำหน้าที่ต่างกัน”
ฝากแบงค์ เป็นที่พักเงิน
ลงทุนในตลาดหุ้น เป็นที่เพิ่มมูลค่าเงิน
ทำประกัน เพื่อคุ้มครอง “Earning Ability”
หรือ “ความสามารถในการหารายได้”
.
ไม่มีสถาบันการเงินไหนกล้ารับประกันเรื่องนี้
นอกจากบริษัทประกัน
คนในประเทศที่เจริญแล้ว
เขาจึงแก้ปัญหานี้ด้วย INSURANCE ไงครับ
.
คำถามที่ผมอยากถามคุณวันนี้คือ
คุณอยากแบกความเสี่ยงเอาไว้เอง
หรือ ให้บริษัทประกันแบกรับ “ความเสี่ยง” แทนคุณทั้งหมด?
.
แล้วอยากให้บริษัทประกันเริ่มแบกความเสี่ยงแทนคุณวันไหนดี?
ถ้าคุ้มเงินที่สุดคือ ก่อนวันเกิดเหตุร้ายหนึ่งวัน
แต่ประเด็นคือ...แล้วมันวันไหน ไม่มีใครรู้
.
ดังนั้นวันที่ดีรองลงมาคือ
“วันนี้” และ “เดี๋ยวนี้”
คุณว่าจริงไหมครับ?