ภาพและบทความนี้มีลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย

ซื้อประกันก็เหมือนซ่อมรูรั่วหลังคา
ยิ่งปล่อยปัญหาไว้นานเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น!!!
.
ลองสังเกตุดูสิครับว่า
เมื่อไหร่ที่ “หลังคาบ้านรั่ว” 
แล้วคุณปล่อยมันไว้ ไม่ซ่อมสักที
ยิ่งปล่อยไว้นาน ปัญหาก็ตามมาอีกมายมาย
ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว
.
เพราะน้ำที่รั่วอาจไปทำลายสีบนกำแพง
น้ำที่รั่วซึมก็อาจทำลายพื้นปาร์เก้ที่ปูไว้
ทำลายฝ้าเพดานจนถล่มพังลงมา
หรือเลวร้ายที่สุดอาจทำให้ไฟ้ฟ้าลัดวงจร
เกิดเพลงไหม้ เป็นอันตรายแก่ผู้อยู่อาศัย
.
ฉันใดก็ฉันนั้น
การซื้อประกันก็เช่นเดียวกัน
การผัดออกไปเรื่อยๆ
การที่ปล่อยเวลาล่วงเลย
ก็เหมือนปล่อยให้หลังคาการเงินของบ้านมีรูรั่ว
.
ถึงเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เช่นเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ก็อาจต้องจ่ายเงินก้อนโต
โดยไม่จำเป็นไปอย่างน่าเสียดาย
แทนที่จะเป็น “เงินเก็บ” ให้กับตัวคุณเองและครอบครัว
ทั้งทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่วางแผน “ป้องกันได้”
.
หลายครั้งที่ลูกค้าหลายท่านขอผัดไปก่อน
ยังไม่ซื้อประกันตอนนี้ เพราะต้องไปจ่าย ไปซื้ออย่างอื่นก่อน
.
แต่ใครเล่าจะรู้อนาคต เห็นข้างนอกแข็งแรง ข้างในไม่มีใครรู้
รู้ตัวอีกที ตรวจเจอมะเร็ง ตรวจพบโรคร้ายก็มากมาย
พอถึงตอนนั้นจะมาขอทำประกัน ก็สายไปเสียแล้ว
ไม่มีบริษัทไหนรับประกัน
.
หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
หากต้องจากครอบครัวไปอย่างกะทันหัน
คำพูดที่ว่า “คนตายเอาอะไรไปไม่ได้”
ผมกล้าพูดว่านี่ไม่ใช่ “ความจริง”
.
เพราะคนตายสามารถเอาสิ่งที่
คนที่ยังอยู่จำเป็นต้องใช้ไปด้วย
นั่นก็คือ “รายได้”
.
วันนี้หากคนที่รักยังพึ่งพาคุณ
คุณเองก็ต้องพึ่งพา “ประกัน” เช่นกัน
.
เพราะไม่มีสินค้าใดในโลกถูกสร้างขึ้นมา
เพื่อรับประกันค่าความสามารถ (Earning Ability)
นอกจาก “ประกันชีวิต”
.
คุณเห็นด้วยไหมครับว่า
เมื่อถึงคราวเกิดเหตุเภทภัย
ให้บริษัทประกันจ่าย “เงินก้อนโต” 
ชดเชยให้คนที่คุณรักและห่วงใย
.
ย่อมดีกว่า ค่าตัวกลายเป็นศูนย์
“จากไปแบบไม่ทิ้งอะไรไว้ให้คนข้างหลัง”
.
ทำประกันเร็วไปหนึ่งปี ย่อมดีกว่าทำช้าไปเพียงแค่หนึ่งวัน
กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะเกิดเรื่องแย่ๆ มักแก้ไม่ทัน
.
ซ่อมรูรั่วทางการเงินของครอบครัวยิ่งเร็วยิ่งดี
เพราะ “ราคาของการแก้ไข แพงกว่า การป้องกันเสมอ”
คุณว่าจริงไหมครับ?
.