ภาพและบทความนี้มีลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย

“ประกันชีวิต” อาจเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
ไม่ส่องสว่างดังดวงอาทิตย์
แต่ก็นำชีวิตคนที่คุณรักออกจาก “ความมืด” ได้
.
ครอบครัวสุขสบายเพราะมี “รายได้” จากหัวหน้าครอบครัว
เข้ามาจุนเจือชีวิตทุกคนในบ้าน ลูกๆ ได้ไปโรงเรียน
ภรรยาได้มีเวลาในการเลี้ยงดูลูกอย่างมีคุณภาพ
พ่อแม่ที่แก่ชราได้พึ่งพา
.
จึงพูดได้เต็มปากว่า...
ความสุขของทุกคนในครอบครัว
คุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว
ขึ้นอยู่กับ “รายได้” ของหัวหน้าครอบครัว
.
สถิติไม่เคยโกหก
ทุกๆ ปี คนไทยทุก 1,000 คนออกจากบ้านไป 
แล้วไม่กลับมาอีกเลย จำนวน 6 คน
เราไม่รู้ว่า 6 คนนั้นเป็นใคร 
อาจเป็นผม อาจเป็นคุณ อาจเป็นใครก็ได้
.
บัตรประชาชนของคุณและของผมและของทุกๆ คน
ระบุวันเกิดชัดเจน เรารู้ว่าใครเกิดวันไหน
แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวรู้ว่า “จากไปวันไหน”
วันจากไปนั้นไม่มีระบุในบัตรประชาชน
.
คำพูดที่ว่า “คนตายเอาอะไรไปไม่ได้”
ไม่จริงครับ!!
บ่อยครั้งที่คนตายหลายคนเอาสิ่งที่คนที่ยังอยู่
จำเป็นต้องใช้ไปด้วยนั่นก็คือ “รายได้”
.
“ประกันชีวิต” คือเครื่องมือที่ถูกออกแบบมา
เพื่อป้องกันการสูญเสีย “รายได้” ของครอบครัวโดยเฉพาะ
ไม่มีเครื่องมือใดในโลกทำแบบนี้ได้
.
ไม่มีสถาบันการเงินใดที่กล้ารับรองว่า
หากทุกปี ผู้ลงทุน ลงทุนเงินเพียง 2-3% 
ของวงเงินที่ต้องการการันตี
ในปีใดก็ตามที่ผู้ลงทุนเสียชีวิต
สถาบันการเงินนั้นต้องจ่ายเงิน 100% ให้กับทายาท
.
แต่สำหรับ “บริษัทประกันชีวิต” บริษัทยอมรับเงื่อนไขนี้
ลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันเพียงปีละ 20,000 - 30,000 บาท 
(แล้วแต่เพศและอายุ) แล้วเสียชีวิต แม้เพียงในปีแรก
บริษัทประกันต้องจ่ายเงินสด 1,000,000 บาทให้ครอบครัวผู้จากไป
.
ในยามที่ผู้หารายได้ไม่อยู่แล้ว 
ก็เปรียบเสมือนครอบครัวตกอยู่ในความมืดมิด
ตอนนั้น “ประกันชีวิต” อาจเป็นเพียงแสงสว่างปลายอุโมงค์
อาจไม่ส่องสว่างดังดวงอาทิตย์
แต่ก็นำชีวิตคนที่คุณรักออกจากความมืดได้
.
เพราะคุณคือ “โลกทั้งใบของใครบางคน”
คุณหนึ่งคนทำประกันชีวิตก็สามารถปกป้องอีกหลายชีวิต
.
แต่หากคนสำคัญหนึ่งคนนี้ไม่ทำประกันชีวิต
อีกหลายชีวิตอาจต้องพบกับความยากลำบากโดยไม่จำเป็น
เซ็นชื่อในใบสมัครเอาประกันเถิดครับ....
“น้ำหมึกหนึ่งหยด เพื่ออนาคตลูกเมีย”