“ประกันชีวิต” ไม่ได้มีไว้ป้องกันไม่ให้ใครตาย
แต่เอาไว้ป้องกัน “รายได้” ไม่ให้หายไปต่างหาก
.
สมัยก่อน ตอนคุณยังเด็ก จำได้ไหม
“กระดานสีเขียว” เขาก็เรียก “กระดานดำ”
มันใช้ชอล์กเขียนได้เหมือนกัน
.
“ประกันชีวิต” ถ้าจะเรียกให้ถูก ก็ควรเรียกว่า “ประกันรายได้”
เพราะชีวิตนั้นประกันไม่ได้ ซื้อประกันชีวิตแล้วไม่ได้แปลว่าจะไม่ตาย
แต่วัตถุประสงค์ของการซื้อประกันชีวิตจริงๆ คือ
การประกัน “รายได้” ให้กับคนข้างหลัง
.
สูตรคำนวณรายได้คือ
เวลา x ความสามารถ (Earning Ability) = รายได้
ตัวอย่างเช่นหัวหน้าครอบครัวชายอายุ 35 ปี
ถ้าเกษียณตอนอายุ 60 ปี จะมีเวลาทำงาน 25 ปี
ความสามารถในการหารายได้เดือนละ 100,000 บาท
หรือ ปีละ 1,200,000 บาท
(ในความเป็นจริงรายได้จะมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป)
ตามสูตร รายได้คร่าวๆ ก็จะเป็น
25 X 1,200,000 = 31,250,000 บาท
นั่นแปลว่า ค่าความสามารถของหัวหน้าครอบครัวท่านนี้
สูงถึง 31 ล้านกว่าบาทเลยทีเดียว!
อุปมาเหมือนหัวหน้าครอบครัวท่านนี้แบกเงิน
สามสิบกว่าล้านบาทนี้ติดตัวออกไปทุกวัน
อย่าลืมว่า สามสิบกว่าล้านบาทนั้นเป็นรายได้ใน “อนาคต”
คือต้องมี “ระยะเวลา” ในการทำงานด้วย
หากขาดตัวแปรตัวใดตัวหนึ่งไป
30 กว่าล้านจะหายไปจากครอบครัว
ความสามารถในการหารายได้ (Earning Ability) หายไป คือ “พิการทุพพลภาพ”
เวลาหายไป คือ “จากไปก่อนวัยอันสมควร”
อย่างที่อุปมาไป หัวหน้าครอบครัวท่านนี้ถือเงินสามสิบกว่าล้านติดตัวตลอดเวลา
มีโจร 3 คนคอยจ้องจะปล้นอยู่ตลอด
โจรคนที่ 1 ชื่อ “ความพิการทุพพลภาพ” เมื่อเป็นคนพิการรายได้จะหายไป
แต่จะต้องมีค่าใช้จ่าย ค่ารักษาตามมาอีก
โจรคนที่ 2 ชื่อ “โรคร้ายแรง/ โรคล่มจม/ โรคฉิบหาย”
คือเป็นแล้ว “ล่มจม” นอกจากจะทำงานหารายได้ไม่ได้แล้ว
ยังผลาญเงินเก็บของครอบครัวจนหมดสิ้น
โจรคนที่ 3 ชื่อ “ความตาย” หรือพญามัจจุราช
หากมัจจุราชมารับตัว ก็จะเอาสามสิบกว่าล้านนี้ไปด้วย
“ประกันชีวิต” จะช่วยป้องกันโจรทั้งสามคนนี้
ไม่ให้มาปล้นครอบครัวจนวอดวาย
วิธีการแก้ปัญหาคือ “เงินอยู่ต่างที่ ทำหน้าที่ต่างกัน”
เมื่อหัวหน้าครอบครัวได้รับเงินเดือนมา
ให้เจียดเงินรายได้มาออมกับประกัน
.
อยากถอดค่าตัวที่บอกว่าประมาณสามสิบกว่าล้านบาทเท่าไหร่
ก็ใช้เงินประมาณ 3% ของวงเงินที่ต้องการ
เช่นถอดค่าตัว10 ล้านบาท
ก็เอาเงิน 300,000 ใส่ตู้เซฟไว้
พูดง่ายๆ เสมือนคุณซื้อ “ตู้เซฟวิเศษ” ติดบ้านไว้
มีกุญแจให้ 2 ดอก ดอกหนึ่งคุณถือไว้ อีกดอกแม่บ้านถือไว้
คุณใส่เงินไปในเซฟปีละ 300,000 บาท
แต่บริษัทการันตีให้ 10 ล้านบาท
หากคุณออกจากบ้านไปแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย
ก็ให้แม่บ้านเอากุญแจไปไขตู้เซฟ เอาเงิน 10 ล้าน
ออกมาดูแลครอบครัวต่อไป พวกเขาก็ไม่ลำบาก
แต่ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นมา คุณเองก็เป็นคนไขกุญแจตู้เซฟ
เองเงินออกมาใช้ยามบั้นปลายชีวิตของคุณ
.
เมื่อทำแบบนี้ รายได้คุณได้ถูก “ประกัน” ไว้แล้ว
ไม่ว่าจะออกรูปแบบไหน คุณ และ ครอบครัว ชนะทั้งสองทาง
คุณว่าจริงไหม?