ถ้าคุณเห็นผมใช้ส้อมตักน้ำซุปกิน
คุณจะว่าผมว่า “เพี้ยน” ไหม
ผมว่าคุณต้องคิดในใจว่า “ไอ้บ้า!"
.
ของทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมา
เพราะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
ถ้าใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็ไร้ประโยชน์
.
นาฬิกามีไว้บอกเวลา
กระดาษปากกาเอาไว้เขียน
โรงเรียนมีไว้เพื่อการศึกษา
.
ส่วน “ประกันชีวิต” ถูกออกแบบมา
เพื่อป้องกัน “ปัญหาการเงิน” ที่จะเกิดขึ้น
แต่ประกันมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ
การฝากเงินกับธนาคาร
หรือการลงทุนในรูปแบบต่างๆ
.
อย่างที่กล่าวตอนต้น
ประกันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งกับ “การลงทุน”
ถ้าทำประกันเป็นการลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางการเงิน
ก็เหมือนกับ “ใช้ส้อมตักน้ำแกง”
ใช้งานผิดประเภท
.
ประกันถูกออกแบบให้ปกป้องตัวผู้ลงทุน
ก็คือผู้หารายได้ที่มี “Earning Ability”
(ความสามารถในการหารายได้)
.
หากเขาไม่อยู่...
ใครเล่าจะมาดูแลการลงทุน
ใครเล่าจะหารายได้เข้าบ้าน
ลูกและภรรยาของเขามีความสามารถ
ทำได้แบบเขาหรือ?
.
นักลงทุนผู้ไม่ประมาทจึงปิดประตู “เจ๊ง”
ด้วยการป้องกันค่าความสามารถของเขา
ไม่ให้เป็นการ “สูญเปล่า”
.
เมื่อถึงเวลาสูญเสีย
ไม่มีใครหรอกจะปฏิเสธพญามัจจุราชได้
แต่เขาสามารถเลือกได้ว่า
ให้การสูญเสียนั้นเป็น “ความสูญเปล่า”
หรือให้เป็น “หลักทรัพย์ก้อนโต"
ให้กับบุคคลที่เขารักและห่วงใย
.
“ประกันชีวิตไม่ได้ถูกออกมา
เพราะใครบางคนต้องจากไป
แต่เพราะใครบางคนต้องอยู่ต่อไปต่างหาก”