ทำประกันในวันนี้
เพื่อที่ในอนาคต
คุณจะขอบคุณ “ตัวเอง”
.
ไม่มีใครวางแผนที่จะล้มเหลวทางการเงิน
แต่ส่วนใหญ่ล้มเหลวทางการเงินเพราะ
ไม่ได้ “วางแผน”
.
หากคุณโสดไม่คิดแต่งงานมีครอบครัว
ปัญหาที่คุณต้องเผชิญในอนาคตคือ…
คุณจะมีเงินพอเลี้ยงดูตัวเองจนจากโลกนี้ไปไหม
ค่าครองชีพที่จะสูงขึ้น ค่ารักษาพยาบาลที่จะสูงขึ้น
คุณวางแผนเตรียมการเรื่องนี้ไว้แล้วหรือยัง?
.
หากคุณมีครอบครัวมีลูก
และคุณเป็นหัวแรงหลักในการหาเงินเข้าบ้าน
ปัญหาที่ต้องเผชิญคือ…
ถ้าหากมหาโจรที่ชื่อ “ความตาย”
มาขโมยรายได้ในอนาคตทั้งหมดของคุณไป
ครอบครัวคุณจะอยู่ได้เป็นปกติสุขเหมือนเดิมไหม?
.
หากคุณเป็นนักธุรกิจ ลงเงิน ลงเวลา ลงแรง
ไปมากมายมหาศาล เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโต
ปัญหาที่นักธุรกิจต้องเผชิญคือ… “ความไม่แน่นอน”
.
สถิติจากกระทรวงพาณิชย์บอกว่า
9 ใน 10 บริษัทเปิดใหม่
จะปิดตัวลงในเวลาไม่เกิน 3 ปี
.
แต่เชื่อหรือไม่ 9 ใน 10 บริษัทที่ปิดไปนั้น
ไม่ใช่เพราะกิจการไม่ดี แต่เพราะ
“ตัวเจ้าของกิจการไม่อยู่บริหารเสียแล้ว”
.
สิ่งที่นักธุรกิจท่านนั้นเพียรสร้างมาล้มพังครืน
บางกิจการถูกแบงค์ยึด สินทรัพย์ถูกขายทอดตลาด
หรือมีเพียงสิ่งปลูกสร้างรกร้าง ที่ยังสร้างไม่เสร็จ
เป็นอนุสาวรีย์บ่งบอกถึง “การไม่วางแผนให้รัดกุม”
.
ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องของ
“ความไม่แน่นอน” ทั้งสิ้น
เครื่องมือที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา
เพื่อช่วยแก้ปัญหามนุษยชาติในเรื่องเหล่านี้
คือสิ่งที่เรียกว่า “ประกันชีวิต”
.
คุณอาจบอก “โอเว่อร์ พูดเกินไป”
แต่ถ้าผมอธิบายแบบนี้ล่ะ
.
“เงิน” เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพของมนุษย์
มนุษย์จึงต้องการเงิน
“ประกันชีวิต” คือ “เงิน”
ดังนั้นคนจึงต้องการ “ประกันชีวิต”
.
ประกันชีวิตคือเงินสดก้อนหนึ่ง
ที่ถูกระบุชัดเจนในสัญญาว่า
จะต้องถูกส่งมอบให้กับใครคนใดคนหนึ่ง
ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง อย่างแน่นอน
.
หากคุณได้วางแผนป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
ด้วยประกันชีวิต นั่นแปลว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับคุณ
คนที่คุณรักจะไม่ต้องเผชิญปัญหาด้านการเงิน
.
แต่ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นกับคุณ
คุณเองก็เป็นผู้ได้ใช้เงินที่สะสมมาทั้งหมด
ไม่ว่าจะออกมารูปแบบไหน
คุณและครอบครัว จะชนะทั้งสองทาง
.
จึงพูดได้ว่า
“ทำบางสิ่งบางอย่างในวันนี้
ด้วยการปกป้องคนที่คุณรักด้วย “ประกันชีวิต”
ในขณะเดียวกัน คุณก็ได้เก็บเงินให้ตัวเองไว้ใช้ด้วย
แล้วคุณจะขอบคุณตัวคุณเองในวันข้างหน้า”