ภาพและบทความนี้มีลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย

ก็เพราะคุณ “ไม่มีเงิน” 
“การทำประกัน” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะถ้าเงินเต็มบ้าน ประกันก็ไม่ต้องมี‼️
.
ถ้าคุณรู้ว่าตัวเอง “ไม่มีเงิน”
ให้รีบซื้อประกันด่วน!!
คุณคงงง แล้วบอกว่า “บ้าหรือเปล่า?”
❌ก็บอกอยู่ว่าไม่มีเงิน
แต่ดันแนะนำให้ซื้อประกัน??
.
งั้นว่ากันด้วยเหตุผลล้วนๆ ไม่มีอารณ์ 
ไม่มีการตลาดเกี่ยวข้อง โอเคนะ?
.
1. คุณบอกว่าคุณไม่มีเงิน แปลว่าครอบครัวคุณก็ไม่มีเงิน
และถ้าคุณเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน หาเลี้ยงทุกคนในบ้าน
นั่นคือ “ความเสี่ยง”

หากคุณทำสัญญากับพระเจ้าได้ว่า 
คุณจะจากไปตอนลูกเรียนจบ
จากไปตอนที่ครอบครัวมั่นคงแล้ว
มีเงินสำรองมากมายพอที่จะไม่มีอะไรมากระทบ 
ทำให้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
อันนี้…ไม่ต้องซื้อประกัน

2. คุณมั่นใจ 100% ไหมว่าคุณไม่มีทางเจ็บป่วย 
หรือ ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง
จนกระทั่งส่งผลให้คุณทำงานไม่ได้ 
และนั่นอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่
เพราะ ไม่มีเงินด้วย และ ป่วยหนักติดเตียงด้วย 

ยังไม่ต้องพูดว่าครอบครัวจะอยู่กันยังไงนะ
เอาแค่…จะไปหาเงินรักษาตัวมาจากที่ไหน
แล้วใครจะเป็นผู้จ่ายหนี้ก้อนนี้ 
ที่เกิดจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุของคุณ

ถ้าปัญหานี้คุณวางแผนแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จไว้แล้ว
อันนี้ก็…ไม่ต้องซื้อประกัน

3. คุณมั่นใจไหมว่า หากคุณไม่จากไปก่อน
หรือเจ็บป่วยพิการอย่างสองข้อด้านบน
คุณอยู่ทนจนวัยชรา ถึงวันที่รายจ่ายอยู่ครบ 
แต่รายได้จบไปนานแล้ว
เงินทองที่คุณหามาจะพอเลี้ยงดูตัวเองจนสิ้นชีพ
ค่าจัดงานศพ ค่าฌาปนกิจศพ คุณจัดเตรียมไว้เรียบร้อย

ถ้ามั่นใจดังนี้…
อันนี้ก็ไม่ต้องซื้อประกัน

แต่ถ้าไม่มั่นใจ เงินที่จะใช้ในเรื่องทั้งสามข้อด้านบน
คุณก็ต้องเป็นผู้หามาจ่ายอยู่ดี ไม่จ่ายวันนี้ก็ต้องจ่ายวันหน้า
แต่หากจากไปก่อน แล้วไม่มีประกัน
คนที่ต้องจ่าย คือ ครอบครัวของคุณ

แต่ไม่ได้จ่ายด้วยเงิน
แต่..จ่ายด้วย “ความทุกข์”
แลกกับความสุขทั้งหมดทั้งมวลที่เคยมี ตอนพ่ออยู่

มาเถิดครับจัดสรรอีกนิด 
เงินอยู่ต่างที่ ทำหน้าที่ต่างกัน
หากคุณไม่จัดการเงิน เงินจะ “จัดการคุณ”

สุดท้าย…คำถามคือ
หากเกิดเรื่องวิกฤตกับครอบครัวของคุณ
คุณอยากให้ใครเป็นคนจ่าย ระหว่าง
คนที่คุณรัก กับ “บริษัทประกัน”