อยากรู้ว่าผู้ชายคนนึงรักครอบครัวเขามากแค่ไหน?
ไม่ต้องไปถามเขาว่า “คุณรักครอบครัวมากไหม?”
แต่ให้ไปดู “ทุนประกันชีวิต” ที่เขาซื้อไว้
.
ผมเคยเจอครับ…
หัวหน้าครอบครัวคนนึงบอกผมว่า “เขาไม่มีเงินซื้อประกัน”
แต่ผมเห็นขวดเบียร์ ขวดเหล้าว่างเกลื่อนบ้าน
เขาโพสรูปไปเที่ยวเล้าจน์ ในกลุ่มไลน์
ด้วยความภูมิใจในความเป็นแมน
แต่เขาบอกผมว่า “เรื่องประกันเอาไว้ก่อน เงินไม่พร้อม”
.
ผมเคยเจอครับ…
หัวหน้าครอบครัวคนนึงบอกผมว่า “เขาไม่มีเงินซื้อประกัน”
เขาซื้อรถคันใหม่ เอาไปแต่งอีกเป็นแสน
เขาขับรถแต่งออกไป ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
ทุกวันนี้ภรรยาและลูกยังลำบากและใช้หนี้ที่เขาได้ทิ้งไว้
.
และผมก็เคยเจอ…
ผู้ชายที่แทบไม่มีเวลาให้ลูกและครอบครัว
เพราะต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัว
ออกไปขายของในตลาด หนักเอาเบาสู้
เพราะรู้ว่าคนที่เขารักยังต้องใช้เงิน
เขารู้ว่าเงินทุก “บาท” มีค่า
.
เมื่อผมไปเสนอขายประกันชีวิต
เขาอยากปฏิเสธผมในตอนแรกเพราะอยากเก็บเงินไว้
แต่เมื่อผมพูดว่า
“หากพี่ไม่อยู่ รายได้พี่จะตายตามพี่ไป
พี่อยากให้มันตายตามพี่ไป หรือให้มันอยู่เลี้ยงดูคนที่พี่รัก”
.
แค่คำนี้… เขาตกลงทำทุนประกัน 1,000,000 บาท
และอนุสัญญาอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ฯลฯ
.
สามเดือนต่อมาใครจะคิดว่า “น๊อตตัวเล็กๆ” จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่
เขาไปส่งของให้กับลูกค้ารายหนึ่งซึ่งกำลังซ่อมแซมบ้าน
น๊อตจากนั่งร้านก่อสร้างคงเสื่อมสภาพ มันหลุดขาดสะบั้น
ทำให้นั่งร้านถล่มลงมา กระเบื้องที่อยู่บนนั่งร้านหล่นลงมา
โดนศรีษะจนกระโหลกเปิด เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ประกันฉบับนั้นทำหน้าที่ของมันทันที
.
ด้วยเงินสองล้านบาท มันทำให้หญิงหม้ายและลูกกำพร้า
ไม่ต้องเผชิญชีวิตที่ลำบาก
เงินสองล้านนี้คือ “ความรัก” ที่เป็นรูปธรรมของเขา
.
ผมจึงพูดว่า ไม่ต้องถามว่าผู้ชายคนนึงรักครอบครัวเขามากแค่ไหน
ผมขอให้ไปดู “ทุนประกันชีวิต” ที่เขาซื้อไว้นั่นเอง
.
อยากฝากถึงพี่น้องตัวแทนประกันชีวิต
ขอให้คุณอดทน ทำหน้าที่ด้วยความรักและศรัทธา จำไว้ว่า
“พวงหรีดวางเต็มศาลายังไม่ช่วยซับน้ำตาเท่า 1 กรมธรรม์”
.
ขอแสดงความนับถือหัวหน้าครอบครัวทุกท่าน
ที่รักครอบครัว แม้ตัวจะตายไปแล้ว
แต่ยังทิ้งมรดกให้คนข้างหลังไม่ลำบาก