ไฟดับ..จุดใหม่ก็ติด แต่ "ชีวิต" ไม่ใช่แบบนั้น
หากไฟชีวิตดับ จะไม่กลับขึ้นมาติด
“ประกันชีวิต” จะช่วยคนที่คุณรัก ผ่อนหนักเป็นเบา
.
คุณยังจำวัยเด็กของคุณได้ไหมครับ?
ตอนไฟดับ คุณร้องไห้กระจองอแงด้วยความกลัว
มีคุณพ่อคุณแม่คอยโอบกอดคุณไว้
ปลอบประโลมให้คุณคลายความกลัว
.
สักพักพอไฟฟ้ามา ไฟติดสว่างดังเดิม
คุณก็ยิ้มได้ หัวเราะได้อีกครั้ง
.
ในวันนี้ คุณได้อยู่ในบทบาทคนเป็นพ่อแม่แล้ว
ลูกๆ ของคุณอยู่ในการดูแลของคุณ
ทั้งด้านชีวิตความเป็นอยู่ และอนาคตทางการศึกษา
.
“รายได้” ของคุณคือ “ตัวแปรสำคัญ” ของเรื่องนี้
อนาคตของทุกคนจะ "สมหวัง" หรือ "สิ้นหวัง"
ล้วนขึ้นอยู่กับรายได้จากหัวหน้าครอบครัว
.
การหารายได้ของมนุษย์เรามี 2 แบบ
คือแบบ “มีการการันตี” กับ “ไม่มีการการันตี”
.
แบบไม่มีการการันตีหมายถึง
หากผู้หารายได้จากไป รายได้จะตายตามผู้หารายได้ไปด้วย
พูดง่ายๆ คือ ค่าตัวกลายเป็น “ศูนย์”
แบบมีการการันตีหมายถึง
หากผู้หารายได้ต้องจากไปก่อนวัยอันสมควร
แทนที่จะต้องสูญเสียรายได้ไปตลอดกาล
แต่ครอบครัวจะได้รับเงินชดเชยก้อนโต
เสมือนหนึ่งว่ารายได้ของผู้หารายได้ยังคงอยู่
ถ้าเป็นแบบนี้..
คุณอยากเลือกสร้างรายได้
แบบมีการันตี หรือ ไม่การันตีครับ?
หัวหน้าครอบครัวก็เปรียบเหมือน
“ไฟส่องสว่าง” นำทางในครอบครัว
แต่หากไฟชีวิตดับลง ไฟชีวิตจะไม่ติดขึ้นมาอีกเลย
.
“ประกันชีวิต" เหมือนไฟนำทางสำรอง
อาจไม่สว่างเท่าดวงอาทิตย์
แต่ช่วยนำทางชีวิตคนในครอบครัว
ให้ออกจากความมืดมนทางการเงินได้
วันนี้อย่าลืมติด “ไฟสำรอง” ไว้ในบ้านอีกสักดวง
ด้วยการบริหารเงินผ่าน “กรมธรรม์ประกันชีวิต”
เพราะเป็นการบริหารเงินที่ได้ทั้งการออม
และการคุ้มครองควบคู่ไปด้วย
.
เพื่อเป็นการ “การันตี” ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ลูกๆ ภรรยา พ่อแม่ของคุณจะต้องไม่ลำบาก
อนาคตทางการศึกษาของลูกยังสดใส
.
ภรรยาไม่ต้องทำงานหนักเพิ่ม มีเวลาให้ลูกๆ
พ่อแม่ที่แก่ชราได้พึ่งใบบุญของคุณที่ทิ้งไว้ให้ท่าน
เป็นการตอบแทน “ค่าน้ำนม” ที่ท่านเลี้ยงดู
.
เบนจามิน แฟรงคลิน รัฐบุรุษของสหรัฐอเมริกา
(คุณจะเห็นหน้าของเขาได้บนธนบัตรใบละ 100$)
กล่าวไว้ว่า “ประกันชีวิตเป็นวิธีที่ประหยัดและ
ปลอดภัยที่สุดในการสร้างเงินสำรองในครอบครัว”
.
ปกป้องคนที่เรารักด้วย “ประกันชีวิต” กันเถิดครับ
เพราะ..
“มีประกันไว้ครอบครองเหมือนมีเงินสำรองในครอบครัว”