ก็เพราะภาระเยอะ จึงต้องซื้อ “ประกันชีวิต”
เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิด
ประกันชีวิตจะจ่ายแทนคุณทั้งหมด
.
สมมติวันนี้คุณพาครอบครัวคุณไปดูหนัง
ครอบครัวของคุณนั่งตรงกลางโรงหนัง
ทางซ้ายมีครอบครัวเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรที่คุณผ่อนบ้านเขาอยู่
ทางขวามีครอบครัวของเจ้าของไฟแนนซ์รถที่คุณผ่อนเขาอยู่
ด้านหน้าก็มีครอบครัวของเจ้าของที่ดินที่คุณไปลงทุนซื้อแบบผ่อน
ทันใดนั้น มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาว่า “ไฟไหม้ๆ”
คุณจึงรีบลุกขึ้นไปช่วยพาครอบครัวเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรออกจากโรงหนัง
แล้วก็รีบกลับมาช่วยครอบครัวเจ้าของไฟแนนซ์รถยนต์
จากนั้นก็กลับมาช่วยครอบครัวเจ้าของที่ดิน
แล้วจึงไปช่วยครอบครัวคุณเองเป็นรายสุดท้าย
ในความเป็นจริงคุณจะทำแบบนั้นไหมครับ?
แน่นอนยังไงคุณก็ต้องช่วยครอบครัวคุณก่อน
เรากำลังพูดประเด็นนี้นี่แหล่ะครับ
คือ “การเรียงลำดับความสำคัญ”
รายจ่ายอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็น
ค่าผ่อนบ้าน
ค่าผ่อนรถ
ค่าผ่อนที่ดิน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เห็นด้วยไหมครับว่าเอาเข้าจริง
รายจ่ายเหล่านี้ก็ผัดได้สักงวดสองงวด
เขาก็ยังไม่ยึดทันที
แต่
แต่มีอยู่ 4 อย่างที่คุณไม่สามารถผัดได้
1.การเจ็บป่วย
2.อุบัติเหตุ
3.ความชรา
4.ความตาย
การที่คุณผัดการซื้อประกันชีวิตก็คือผัดในสิ่งที่ไม่อาจผัดได้
ไม่ใครต่อรองกับพญามัจจุราชได้
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับหัวหน้าครอบครัว
รายจ่ายทุกรายการอยู่ครบ แต่รายรับได้จบลงแล้ว
หากไม่มีประกันชีวิต คนที่ต้องจ่ายคือคนที่คุณรัก
แต่อาจไม่ได้จ่ายด้วยตัวเงินแต่จ่ายด้วย “ความทุกข์ยาก”
ดังนั้นเงินที่คุณจ่ายเพื่อซื้อประกันชีวิตในวันนี้
เป็นการจ่ายเพื่อช่วยครอบครัวคุณก่อน
ก่อนที่จะไปจ่ายให้คนอื่นครับ