หากคุณทำธุรกิจ และมีลูกจ้างคนหนึ่ง
ทำงานเก่งมากๆ จนทำแทนคุณได้ทุกหน้าที่
ดูแลทั้งเรื่องการขายสินค้า การบริหารคนในองค์กร
.
เป็นลูกจ้างที่ซื่อสัตย์มาก
สู้ไม่ถอย ทำงานดึกๆ ดื่นๆ ไม่ขอโอที
แถมค่าแรงก็ถูกมาก
เขาคนนั้นทำรายได้เข้าบริษัทเป็นกอบเป็นกำ
จนกิจการคุณใหญ่โต มั่นคงแข็งแรงก็เพราะ “ลูกจ้าง” คนนี้
.
คุณจะ “รัก” ลูกจ้างคนนี้ไหม?
คุณจะ “ชื่นชม” เขาไหม?
แน่นอนคนดี คนเก่ง ย่อมเป็นที่รักของเจ้านาย
.
ลูกจ้างคนนี้ทำงานดีและซื่อสัตย์มาโดยตลอด เป็นเวลาหลายปี
แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง พนักงานคนนี้หายไปเลย แบบหายไปเฉยๆ
แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่เคยส่งข่าวใดๆ ติดต่อไม่ได้
ปล่อยบริษัทให้วุ่นวาย ยุ่งเหยิง เพราะเขาดูแลทั้งหมด
.
คำถามก็คือ
ลูกจ้างคนนี้ทำดีมาโดยตลอดระยะเวลาหลายปี
แต่มาทำพลาดเอานาทีสุดท้าย โดยหายไปเลย
คุณจะชื่นชมเขา หรือ จะตำหนิ เขาครับ?
เขาน่ายกย่องสรรเสริญ หรือ น่าตำหนิมากกว่ากัน?
.
อุปมา หัวหน้าครอบครัวทุกคนก็คือ “ลูกจ้าง” ของครอบครัว
ทำงานหนัก อดทน ก็เพื่อลูกแก้วเมียขวัญ
แต่จู่ๆ วันหนึ่งเขาไปเฉยๆ จากโลกนี้ไปก่อนเวลาอันควร
อนิจจังเป็นของไม่เที่ยง
สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ “ความไม่แน่นอน”
คนเราไม่ตายช้า ก็ ตายเร็ว
.
หากหัวหน้าครอบครัวเลี้ยงดูลูกเมียมาด้วยดีโดยตลอด
แต่เมื่อเขาจากไปก่อนวัยอันสมควร ลูกเมียต้องตกระกำลำบาก
หัวหน้าครอบครัวคนนี้ก็ไม่ต่างจาก “ลูกจ้างที่หายตัวไปเฉยๆ”
.
ในตำราสอนเรื่อง “ประกันชีวิต” ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มีถ้อยความในหนังสือว่า…
“บุคคลใดที่ทำดีแต่เฉพาะเมื่อตนยังมีชีวิตอยู่ โดยไม่คำนึงถึง
ความเดือดร้อนของลูกเมีย เมื่อตนจากไป เขาผู้นั้นน่าจะได้รับ
คำตำหนิเสียมากกว่าคำชมเชย”
.
คุณเองก็เป็นหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่ง
ลูกแก้วเมียขวัญล้วนได้พึ่งใบบุญคุณทั้งนั้น
หากวันนี้คุณไม่ปกป้องเขา แล้วใครล่ะที่จะทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด
.
รักเขาแล้ว ก็ทำเสียอีกหนึ่งเรื่องเถิด
คือ เติมคำว่า “ความมั่นคง” ลงไปในความรัก
ด้วยกรมธรรม์ประกันชีวิต
.
“รู้นะว่าทำประกันชีวิตเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยาก
แต่ถ้าครอบครัวตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
ประกันจะเปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย”