---

ตัวอย่าง 

สั่งซื้อ เพิ่มลงตะกร้า 

---

บทขาย เงินล้าน สไตล์พี่เจฟ (หนังสือเสียง)*

“การขายประกันชีวิตนั้นง่ายพอๆ กับที่มันยาก”
ถ้าคุณรู้วิธี มันง่ายมาก
ถ้าคุณไม่รู้วิธี มันโคตรยาก

เดือนแรกคนที่เข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต 100 คน
ตายจากอาชีพ 80 คน เหลือรอด 20 คน
80% ของอีก 20 คนที่เหลือ ตายจากอาชีพอีกหนึ่งปีต่อมา
เหลือรอดเป็นมืออาชีพ ประสบความสำเร็จอย่างสูงมีไม่ถึง 5%

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?

1. อาชีพนี้มีแรงจูงใจด้วยอัตราคอมมิชชั่นสูง และขาย
ครั้งเดียวได้คอมมิชชั่นนับสิบปี ถึงแม้อัตราส่วน
คอมมิชชั่นจะลดลงตามปีที่ลูกค้าชำระเบี้ย แต่ก็ถือว่า
จูงใจ เมื่อเวลาผ่านไป ประสบการณ์มากขึ้น
คุณมีโอกาสสร้างทีมงานขาย สร้างแหล่งรายได้
เพิ่มขึ้นอีก สามารถสร้างระบบธุรกิจของคุณเองได้


2. เป็นธุรกิจที่ลงทุนเงินน้อยมาก เมื่อเทียบกับอัตราผล
ตอบแทน แต่สิ่งที่ต้องลงทุนอย่างสูงสุดในธุรกิจนี้ คือ
การลงทุนในการพัฒนาตนเอง ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
สม่ำเสมอ ดั่งที่นักกีฬาระดับโลกทุกคนฝึกซ้อมกัน
ทุกวันเป็นกิจวัตร


3. ใครจะเข้ามาทำธุรกิจประกันชีวิตก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง
จบด้านนี้โดยตรง พอเป็นแบบนี้ก็จะมีคนไหลเข้ามาในระบบเยอะ แต่ระบบก็กรองคนที่ไม่ใช่ออกไปตาม
วัฏจักรธุรกิจ แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ตัวแทนที่ไม่ได้เป็น
มืออาชีพก็จะสร้างภาพลักษณ์เชิงลบให้กับผู้คนทั่วไป
ด้วยวิธีการ ตื๊อ ง้อ ขอขาย หรือทำให้ลูกค้าเกิดความ
รำคาญ และพาลคิดว่าตัวแทนประกันชีวิตทุกคนคงมี
ลักษณะแบบเดียวกัน พอเขามาเจอตัวแทนอีกคน 
ก็อนุมานเอาว่าก็คงเหมือนกับตัวแทนอื่นๆ จึงหาวิธี
หลบเลี่ยงไม่พูดคุย บางคนถึงกับเลิกคบเพื่อนที่เป็นตัวแทนประกันชีวิต


4. สาเหตุที่ตัวแทนประกันชีวิตตายจากอาชีพจำนวนมหาศาล เพราะอาชีพนี้ไม่ง่าย ต้องอาศัยการฝึกฝน และพัฒนาตนอย่างสูง ความสำเร็จคัดกรองคนครับ และคนส่วนใหญ่ไม่สามารถอดทนฝึกฝน และรอคอย
ความสำเร็จได้ พวกเขาอยากสำเร็จในชั่วข้ามคืน ของดี
ต้องใช้เวลาเหมือนคุณทานอาหารถ้าคุณอยากได้ทาน
เร็วๆ คุณก็แค่เอามาม่าลวกน้ำร้อน รอสักครู่คุณก็ได้
ทานแล้วแต่ถ้าเป็นอาหารชั้นเลิศทั้งรสชาติ และการ
จัดวาง มันต้องใช้เวลาปรุง ต้องใช้เวลาตกแต่งอาหารลงในจานให้สวยงามความสำเร็จที่ยั่งยืนก็เช่นเดียวกัน มันต้องใช้เวลา และการฝึกฝน

“ทัศนคติ” เป็นเรื่องสำคัญมากในการทำธุรกิจ

ทัศนคติเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง หมายรวมถึง
การรับรู้ (Perception)
ความมั่นใจในตนเอง (Self-Confidence)
ความรักในตนเอง (Self Esteem)
ความสุจริตในใจคุณเองทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้อื่น (Integrity)


คุณมองธุรกิจอย่างไร คุณมองผู้คนอย่างไร
คุณมองสินค้าอย่างไร?


ตอนที่อเมริกาส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ สมัยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ JFK ถามแม่บ้านที่มารอต้อนรับเขา
ที่องค์การนาซ่าว่า “คุณทำหน้าที่อะไรที่นี่?”
เธอตอบท่านประธานาธิบดีฯ ด้วยความมั่นใจว่า


“ดิฉันมาทำหน้าช่วยเหลืออเมริกา
ให้ส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ค่ะ”

โอ้โห!! คำตอบนี้แสดงถึงทัศนคติที่เธอมีต่องานอย่างสูงส่งมาก
เธอภาคภูมิใจที่เธอเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจคนี้

ถ้าคุณไปถามแม่ค้าขายข้าวแกง 2 คน ว่าแม่ค้าทำอะไร?
คนแรกตอบ “ฉันก็ทำมาหากินสิคุณ”
คนที่สองตอบ “ฉันทำให้ผู้คนอิ่มท้อง เพื่อจะมีแรงกาย แรงสมอง ไปทำงานพัฒนาประเทศของเรา”

ผมอาจยกตัวอย่างโอเวอร์ไป แต่ถ้ามีแม่ค้าขายข้าวแกงคนไหนตอบแบบที่สอง คุณคิดว่าทัศนคติของเธอเป็นอย่างไร เธอจะมีความสุข
กับงานไหมครับ? เธอจะดีใจไหมที่ผู้คนที่มากินอาหารของเธอ
ชมว่าอาหารของเธออร่อยมาก และจากออกไปพร้อมกับท้องที่อิ่ม และรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

เมื่อทั้งแม่บ้านในองค์การนาซ่า และแม่ค้าขายข้าวแกงทั้งสองคน
มีความคิดเชิงบวก ให้คุณค่าต่องานที่เธอทำ คุณคิดว่าพวกเธอจะทำเนื้องานแต่ละชิ้นอย่างประณีต และตั้งใจไหม?
ถ้าคุณตอบว่า “ใช่”
ผมก็จะบอกคุณว่า นั่นเป็นเพราะทัศนคติของพวกเขาที่มีต่องาน
นั่นเอง

“ไม่มีอาชีพไหนเป็นงานที่ต่ำต้อย
มีแต่เพียงทัศนคติเท่านั้นที่ต้อยต่ำ”


แล้วคุณล่ะ ในฐานะที่คุณเป็นตัวแทนประกันชีวิต
ทัศนคติของคุณเป็นอย่างไร?
คุณคิดว่าคุณมีหน้าที่อย่างไรในงานนี้?

ระวังนะครับ!
เพราะคำตอบที่คุณตอบมาเป็นจริงทั้งหมด ถูกต้องทั้งหมด
ในความคิดของคุณ คุณอาจจะตอบว่า คุณมาทำธุรกิจ คุณต้องการมาสร้างเงิน คุณต้องการสร้างอนาคต
ก็ไม่ผิดนะครับ

หรือคุณอาจจะตอบว่า
คุณคิดว่า งานของคุณสำคัญมากๆ ในระดับปัจเจกชน ในระดับ
ครอบครัว คุณกำลังมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เพื่อนร่วมชาติ
เพื่อนมนุษย์รอดพ้นจากวิกฤตทางการเงินที่ส่งผลต่อครอบครัว
เมื่อผู้หารายได้จากไปก่อนวัยอันควร คุณกำลังช่วยให้คนชราทั้ง
หญิง และชายได้มีเงินเลี้ยงชีพเมื่อเกษียณอายุ ไม่ต้องเป็นภาระกับใคร

ในระดับมหภาค คุณกำลังช่วยชาติระดมเงินออมจากประชาชนคน
ไทย ทำให้คนในชาติมีทั้งเงินออมและความคุ้มครอง คุณและเพื่อน
ตัวแทนนับแสนคนยังช่วยนำเม็ดเงินจำนวนมหาศาลนับแสนล้าน
เข้าสู่ระบบในรูปแบบพันธบัตรรัฐบาล ทำให้ประเทศเรามีแหล่งเงิน
ไปพัฒนาประเทศ พัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่ต้องไปกู้ยืม
จากสถาบันการเงินต่างชาติ ให้ประเทศเราต้องตกเป็นเมืองขึ้น
ทางการเงินของชาติใด

ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นแบบไหน
นั่นมาจาก “ทัศนคติ” ของคุณ และทัศนคติของคุณนั่นเอง
จะพาคุณสู่ผลลัพธ์ที่คู่ควรกับคุณ

“You don’t get what you desire,
You get what you deserve.”

“คุณไม่ได้สิ่งที่คุณต้องการ
คุณได้ในสิ่งที่คุณคู่ควร”

ผมขอให้หนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้ ช่วยจุดประกายแห่งความหวัง สร้างพลังใจให้กับคุณ
ผมขอให้คุณประสบความเร็จอย่างที่คุณตั้งใจ

ผมแอบหวังให้คุณประสบสำเร็จ แล้วไปช่วยคนอื่นต่อไป
เพราะเมื่อคุณมีทุกสิ่งทุกอย่างทางวัตถุที่คุณเคยฝัน เคยต้องการ วันหนึ่งคุณจะพบว่า
“สิ่งที่มีค่าที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่คุณมี แต่กลับเป็นสิ่งที่คุณ
ได้ให้ออกไป”

ด้วยรักและปรารถนาดี
เจฟ ชัยยะพัส