ใช้เทคนิค Feel Felt Found
เข้าใจ เคยเห็น/เคยเป็น พบว่า
พูดด้วยภาษากายที่มั่นใจ และ มีรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ
ตัวแทน: น้องเข้าใจเลย เพื่อนพี่พูดถูกแล้ว จะจ่ายเยอะทำไม ในเมื่อมันจ่ายน้อยได้ ใครเล่าอยากจะจ่ายแพง เพื่อได้ของที่มันเกินความจำเป็น
ด้วยเหตุนี้
จึงมีประกันชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม ไงคะ
คนจึงเลือกเอาแบบที่คิดว่าเหมาะสมกับตนเอง
คราวนี้มาดูสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
หลายๆ เคสที่เกิดขึ้นลูกค้าเบิกได้ไม่ครบ จ่ายส่วนต่างเองมากมาย
และต่อว่าตัวแทนว่า ทำไมไม่ซื้อให้ครอบคลุม ต้องมาจ่ายเองตั้งเยอะ
ปัญหานี้มีมาบ่อยค่ะ
แผนเก่าหรือแผนที่เพื่อนพี่แนะนำ ราคาถูกกว่าจริงค่ะ น้องเห็นด้วย
แต่ต้องแลกมาด้วยการตัดผลประโยชน์บางอย่างออกไป
เช่นมีการจำกัดการเบิกต่อโรค ต่อเคส เป็นเปอร์เซ็นต์
ในขณะที่แผนที่น้องนำเสนอเป็นแผนใหม่
และที่สำคัญเหมาจ่าย
พี่ลองนั่งจินตนาการตามน้องนะคะ
โรคร้ายแรงบางโรค ถ้าเป็นแล้วใช้เงินรักษามหาศาล
เราเลือกไม่ได้ใช่ไหมคะ ว่าจะให้โรคไหนเกิดกับเรา
มันจะเกิด มันก็เกิด
ถ้าเป็นขึ้นมาจริงๆ แล้วพบว่า ประกันที่มี “มันไม่พอ”
แทนทึ่เจ็บป่วยทรมานจากโรคร้ายก็เรื่องหนึ่งแล้ว
ยังมีเรื่องกังวลที่ต้องหาเงินมาจ่ายเพิ่มอีกมหาศาล
คำถามคือ ถ้าค่ารักษาจากบริษัทประกันจ่ายให้ไม่เต็มจำนวน
ต้องจ่ายเพิ่มอีกเป็นแสน เพื่อนที่แนะนำว่าให้ซื้อแผนประกันแบบเก่า
เขาจะช่วยพี่จ่ายไหมคะ????
นั่นแปลว่า เขาแนะนำได้ แต่เมื่อเกิดเหตุเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยจ่ายนะคะ
แต่หากน้องป็นคนดำเนินการเคลมให้พี่
และพี่ซื้อประกันแบบใหม่ น้องก็เบาใจแทนพี่ ตอนทำเคลม
ถึงป่วยก็ป่วยไป
แต่ก็ยังสบายใจได้ ที่มีประกันจ่ายเต็มวงเงินค่ารักษา
ทำงานหนัก หาเงินมาทั้งชีวิต
จ่ายเพื่อความสบายใจตัวเองดีไหมคะพี่
เสียน้อย เสียยาก เสียมาก เสียง่าย
พี่อยากเลือกแบบไหนคะ
จ่ายน้อยวันนี้ แต่เสี่ยงวันหน้า
กับจ่ายเพิ่มอีกนิด แต่ชีวิตไร้ความเสี่ยง
มีความสุขทางใจทันที
ตอบโดย เจฟ ชัยยะพัส
2 ก.ค. 2564