????พี่เจฟค่ะ อยากขอคำแนะคำค่ะ
ลูกค้าถูกเพิ่มเบี้ยค่ะ บวกยอดชำระเบี้ย
เปรียบเทียบกับทุนแล้วขาดทุนค่ะ
.
จะเข้าไปคุยกับลูกยังไงดีคะ
ให้ลูกค้าตอบรับข้อเสนอของบริษัทค่ะ
ขอบคุณค่ะ
.
.
✅ตอบเป็น 3 steps
.
1.แสดงความยินดีที่บริษัทรับประกันชีวิต
และ ประกันสุขภาพ
ตัวแทนเองหลังจากดูประวัติสุขภาพแล้ว
ตอนแรกคิดว่าบริษัทอาจพิจารณาไม่รับประกัน
ก็ร่วมลุ้นไปด้วย
.
แต่พอบริษัทแจ้งว่ารับประกันชีวิตให้พี่แล้ว
ก็ดีใจกับพี่และครอบครัวค่ะ
เพราะหมายถึง บริษัทประกันภัยยอมแบกความเสี่ยง
และภาระค่าใช้จ่ายในอนาคตแทนพี่แล้วค่ะ
ไม่ต้องกังวลและแบกภาระเอง
.
.
2.เคลียร์ความคิดเรื่องการถูกเพิ่มเบี้ย โดยใช้อุปมาอุปไมย
ว่าการที่เราตรวจเจอติ่งเนื้อที่ถุงน้ำดี
(หรือโรคอื่นที่บริษัทยกเว้น หรือ เพิ่มเบี้ย)
ก็เหมือนเรารถที่เราขับมีรอยเฉี่ยวเล็กๆ
แน่นอนว่าเมื่อเราเอารถคันนี้มาทำประกัน
บริษัทประกันก็ย่อมยกเว้นการรับประกัน
และปฏิเสธที่จะซ่อมรอยนี้
.
.
ลูกค้าอาจรู้สึกว่าจ่ายแพงในวันนี้
เพราะไม่รับประกันทั้งหมด
แต่สิ่งที่แพงกว่าก็คือ
ถ้าลูกค้าไม่ตัดสินใจทำวันนี้
แล้วไปชนรอยที่ใหญ่กว่านี้ หรือยุบทั้งคัน
แล้วไม่มีอะไรช่วยคุ้มครอง
อันนั้นแพงกว่าหลายเท่าเลย
.
.
เชิญเซ็นตรงนี้ค่ะ
ลูกค้าสบายใจ ตัวแทนก็สบายใจ
ที่ได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์
เรามาเริ่มปกป้องครอบครัวของลูกค้าหลังจากนี้กันนะคะ ❤️
.
.
3. ปิดการขายด้วยบทปิดการขายสะเทือนใจ
ปัญหาในใจของตัวแทน
ที่กลัวว่าเมื่อบวกลบกลบหนี้
เบี้ยที่จ่ายกับเงินเมื่อครบสัญญาดูเหมือนขาดทุน
.
หากลูกค้ายกประเด็นนี้ขึ้นมา
ให้ตัวแทนเคลียร์ความคิดลูกค้าดังนี้
แต่เชื่อไหมคะ หนูอยากให้พี่ขาดทุน!!!
.
มีคำกล่าวที่ว่า
ทำประกันมีอยู่สองอย่างคือ
.
“หากอยากได้กำไรเงินตราจะขาดทุนชีวิต
หากอยากได้กำไรชีวิตจะขาดทุนเงินตรา”
.
เพราะอะไรหรือคะ
ถ้าพี่ได้กำไรเงินตรา แปลว่า ทำประกันไปแล้ว
จ่ายเบี้ยประกันมางวดเดียว หากพี่เสียชีวิต
ครอบครัวของพี่ได้เงินก้อนใหญ่
จากการสูญเสียหัวหน้าครอบครัวอย่างไม่มีวันกลับ
ได้เงินเยอะกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปแน่นอน
.
แต่พี่จะขาดทุนชีวิต ที่จะได้อยู่ดูแลพวกเขา
ได้ใช้เวลาที่มีความสุขกับลูกพี่ ภรรยาพี่
พี่จะไม่ได้พาพวกเขาไปเที่ยว
พี่จะพลาดกิจกรรมดีดีด้วยกัน
พี่จะไม่ได้กอดไม่ได้หอมพวกเขาตลอดกาล
.
กำไรเงินตรา แต่ขาดทุนชีวิตแบบนี้
หนูเชื่อว่า พี่ไม่ปรารถนาแน่นอน
แต่หากเรายอมขาดทุนเงินตราไปบ้าง
คือมีชีวิตอยู่จนครบสัญญา
ไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่เคลม
•
นั่นแปลว่า พี่จะมี Wonderful Moment
มีช่วงเวลาดีดีกับคนที่พี่รักอีกมากมาย
ได้อยู่ดูแลพวกเขา ได้ดูพวกเขาเติบโต
ได้กอดได้หอม ได้มองตา ได้เห็นรอยยิ้ม
สิ่งนี้แม้มีเงินตราก็ซื้อหาไม่ได้ ถูกไหมคะ?
.
.
และที่สำคัญหากพี่อยู่ครบสัญญา
น้องเชื่อว่า ด้วยความสามารถของพี่
พี่จะสามารถสร้างเงินได้อีกมากมาย
มากกว่าเงินคืนจากกรมธรรม์ฉบับนี้เสียอีก
.
เปรียบเสมือนพี่กำลังสร้างสะพานใหญ่
ไปสู่ความสำเร็จ ตัวพี่คือกำลังหลักสำคัญ
แม้จะมีเศษอิฐ เศษปูนหล่นลงมาบ้าง
แต่สะพานก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี
.
เศษอิฐ เศษปูนก็คือ เบี้ยประกันที่จ่ายทุกปี
เพื่อการันตีความมั่นคงครอบครัวไงคะพี่
.
.
เซ็นตรงนี้ เพื่อรอยยิ้มและความสุขของคนที่พี่รักคะ
(ตัวแทนยิ้มกว้าง ส่งความปรารถนาดีทั้งปวงให้ลูกค้า)
เขียนโดย เจฟ ชัยยะพัส