กำลังบันทึกข้อมูล
บทขายข้าราชการ
แบ่งปัน
โดย ชัยยะพัส อินจงกลรัศม์ 13/7/64 22:12
บทขายข้าราชการมิได้ต่างบทขายประกันชีวิตบุคคลทั่วไป
ด้วยเหตุว่า การทำประกันชีวิตเป็นเรื่องของการคุ้มครองรายได้
เป็นการสร้างมรดกไว้ให้คนข้างหลัง และ เป็นการเก็บเงินเพื่อยามเกษียณ

บทขายก็ใช้บทสร้างมรดกก็ได้เช่น
ตัวแทน: คุณลูกค้าคิดว่า คนเห็นแบงค์ยี่สิบหล่นอยู่บนพื้น
จะก้มเก็บใส่กระเป๋าทุกคนไหม
แต่ก็มีบางคนไม่เก็บ เพราะคิดว่ามูลค่ามันน้อยนิดเหลือเกิน
จะเห็นว่าเงินมีมูลค่าไม่เท่ากันในความรู้สึกของคน

เงิน 1,000 บาทในกระเป๋าเศรษฐีอาจหมายถึง อาหารในห้างสักมื้อ
เงิน 1,000 บาท ในมือของคนจนอาจหมายถึงค่าอาหารทั้งสัปดาห์

ชีวิตคนเราไม่แน่นอน วันหนึ่งอาจรุ่ง วันหนึ่งอาจร่วง
ขนาดเจ้าของตึกเอ็มไพร์สเตทที่สูงที่สุดในอเมริกายังต้องขายตึกทิ้งเพื่อใช้หนี้
ในวันที่ลำบากที่สุดเงินจึงมีความหมาย แม้จะไม่มากมาย 
เหมือนน้ำแก้วเดียวในทะเลทรายย่อมช่วยดับกระหาย

การเตรียมเงินเผื่อฉุกเฉินในอนาคตจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหลายๆ คน
คุณลูกค้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้ไหมครับ

ผู้มุ่งหวัง: ก็จริงนะ

ตัวแทน: หากเงินยี่สิบบาทที่ดูน้อยค่ามาก ณ ตอนนี้ มันกลายร่างเป็นเงินแสนในยามวิกฤตได้
คุณลูกค้าคิดว่าอย่างไรครับ?

ผู้มุ่งหวัง: มันเป็นยังไงหรือ?

(คุณอาจสมมติว่าลูกเขาขอเงินวันละยี่สิบหยอดกระปุกก็ได้ หรือ สมมติให้ตัวเองเก็บเงินเองก็ได้)

ตัวแทน: สมมติผมมีกระปุกออมสินวิเศษใบหนึ่ง มาให้คุณลูกค้าหยอดกระปุกเก็บเงินให้ตัวเองแบบลืมๆ สักวันละ 20 บาท เก็บแบบไม่ต้องสนใจมัน คุณลูกค้าพอจะหยอดเงินใส่กระปุกให้ตัวเองได้ไหมครับ

ผู้มุ่งหวัง: ได้สิ ไม่เยอะอะไร

ตัวแทน: ถ้าหยอดไปวันละ 20 บาท ก็เดือนละ 600 บาท ปีนึงก็จะเก็บเงินได้ 7200 บาท ถูกต้องไหมครับ?

คนเราควักบัตรประชาชนออกมา รู้หมดใครเกิดวันไหน แต่ไม่มีใครรู้วันจากไป
โควิด 19พรากผู้คนไปจากครอบครัวของเขาแบบไม่ตั้งตัว จากไปแบบโดดเดี่ยวเป็นที่สุด
เยี่ยมไข้ก็ไม่ได้ รดน้ำศพก็ไม่ได้ สวดอภิธรรมก็ไม่ได้ หลวงให้รีบเผาให้เร็วที่สุด
รวมไปถึงเพทภัยต่างๆ อีกมากมาย

เราไม่รู้มันจะเกิดกับใคร
แต่ถ้ามันเกิดกับคนที่หยอดกระปุกออมสินวิเศษนี้
แม้นฝากมาเพียงปีเดียว คือ 7200 บาท
แต่เมื่อลูก (พ่อแม่ก็ได้) มาทุบกระปุกออมสินมา
แทนที่จะมีเงินแค่ 7200 บาท แต่กลับมีเงิน 300,000 บาท
เท่ากับว่าคุณลูกค้าได้ทิ้ง “มรดก” ไว้ให้คนข้างหลังถึง 300,000 บาท
ด้วยการออมเงินวันละ 20 บาทเท่านั้น

คุณลูกค้าว่า กระปุกออมสินวิเศษแบบนี้มันน่าหยอดไหมครับ?

(ปิดการขาย)
วันนี้ผมมีกระปุกออมสินวิเศษมาให้คุณลูกค้าหยอดแล้ว
อยากหยอดปีละ 7200 หรือ 14,400 บาท 
(หรือแล้วแต่ตัวเลขเบี้ยประกันตามอายุของผู้มุ่งหวัง)

ปล.
เข้าใจว่าผู้ถามคงจะถามเลยไปถึงว่า
หากข้าราชการบอกว่า ถ้าเจ็บป่วย ตนเองมีสวัสดิการเบิกได้ 
แถมพ่อแม่ คู่สมรส บุตรก็เบิกได้อีกด้วย
ถ้าข้าราชการเสียชีวิตไปก็มีเงินกองทุนฌาปนกิจให้อีก
ก็เป็นจะข้อโต้แย้ง หรือ เหตุผลที่ข้าราชการปฏิเสธไม่ซื้อประกันชีวิต


ก่อนอื่นต้องยอมรับก่อนว่า
เป็นเรื่องที่ดีมากๆ อยู่แล้วสำหรับผู้ที่เป็นข้าราชการ
ก็เหมือนกับเขาซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพไว้แล้วจำนวนหนึ่ง

ประเด็นก็คือ
สวัสดิการเหล่านั้นเพียงพอ และตอบโจทย์ทุกๆ ด้านแล้วหรือยัง?

เช่น
ในแง่ของการเสียชีวิตก่อน
พ่อเป็นข้าราชการ เมื่อพ่อเสียชีวิต ภรรยาและบุตรยังได้รับสวัสดิการหรือไม่?
บ้านที่หลวงเคยให้อยู่ ยังอยู่ต่อได้หรือไม่?
ค่าการศึกษาบุตร ยังเบิกได้หรือไม่?

หากมีหนี้สินที่คั่งค้างทั้งในและนอกระบบ เงินฌาปนกิจที่ได้รับเป็นก้อนสุดท้ายในชีวิตเพียงพอที่จะชำระหนี้สินหรือไม่ หากผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนคอนโดอยู่ รายได้ของสามีหายไป ใครล่ะที่ต้องรับภาระหนี้ที่กู้มา?

ตรงนี้ก็จะเปรียบได้กับ มีรถบรรทุกแต่ยางระเบิด ยางอะไหล่เป็นแค่ยางรถยนต์ หรือ ยางจักรยาน ไม่พอที่จะทำให้รถวิ่งต่อไปได้ ครอบครัวยังลำบาก หากเสียชีวิตไปก่อน และถึงแม้จะมีสวัสดิการครอบครัวก็ยังลำบาก ใช่หรือไม่

ในแง่ประกันสุขภาพ
ดีมากๆ ที่เบิกได้
แต่ถ้าหากต้องการสวัสดิการดีๆ ไม่อยากไปนั่งรอต่อคิวเป็นวันวันในโรงพยาบาลรัฐ
อยากหาหมอดีดีเฉพาะโรค เพื่อรักษาโรคเฉพาะ แต่หมออยู่โรงพยาบาลเอกชน 
รัฐจ่ายให้บางส่วนซึ่งน้อยมากๆ ข้าราชการก็ต้องจ่ายเงินเอง

ยาบางตัว ยานอก เบิกไม่ได้
เช่นยารักษามะเร็ง ฯลฯ

หากเลือกที่จะให้ตัวเองได้พักรักษาตัวอย่างดี
อันนั้นไม่ดีกว่าหรือ?
ดู 694, ตอบ 0
โปรแกรมกุนซือประกัน (Beta) V.1
สงวนลิขสิทธิ์ © 2567 พี่ชื่อเจฟ
นโยบายการจัดส่งสินค้า | นโยบายการยกเลิกการสั่งซื้อ | นโยบายการคืนเงิน | นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | ข้อเสนอแนะจากผู้ใช้