โดย ชัยยะพัส อินจงกลรัศม์ 17/7/64 17:35 บทขายไอเดีย พ่อค้า แม่ขาย (กระปุกออมสินวิเศษ)
ก่อนจะขายไอเดีย ให้ทำกระบวนการเปิดใจผู้มุ่งหวังเสียก่อน
การเปิดใจนั้นจำง่ายๆ แค่ว่า...
1.ทำให้เขารู้สึกว่าคุณมาช่วยเขา มาให้ประโยชน์ ไม่ได้พยายามมาขายของ ล้วงเงินในกระเป๋าเขา
2.ทำให้เขาชอบคุณ ไว้ใจคุณ จนเขารู้สึกว่าคุณเป็นเพื่อนเขา
กระบวนการเปิดใจสามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้ชุดคำถามที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่คุณกำลังสนทนาด้วย และบวกกับความจริงใจ ความตั้งใจในการรับฟังของคุณ
เวลาคุณถามคำถามใครให้ตั้งใจฟังเขาตอบ ประหนึ่งว่าวันนี้เขาเป็นพระเอก นางเอก ของเรื่องราวที่เขาเล่ามา แสงไฟสปอตไลท์สาดส่องไปที่เขา ไม่ใช่คุณ
อย่าหลงประเด็นมัวแต่เล่าเรื่องตัวเอง
มัวคิดแต่จะขายสินค้า
เมื่อคุณ “ถามถูก” จึงได้ “คำตอบถูก”
ชุดคำถามเปิดใจเช่น
????ตอนเริ่มต้นชีวิต เริ่มต้นค้าขายนี่ พี่มาแบบชิลๆ สบายๆ หรือว่าต้องเสียเหงื่อ เผชิญอุปสรรคและปัญหา?
????ตอนเริ่มขายของใหม่ๆ นี่ขายดีแบบนี้เลยไหมครับ?
????ขายของแบบนี้ เจอลูกค้าหลากหลายมากๆ พี่มีวิธีไหนมัดใจลูกค้าที่มาซื้อของที่ร้านหรือครับ?
????ทุกวันนี้ที่ทำมาค้าขาย ทำธุรกิจได้มาถึงขนาด ผมอยากให้พี่ตอบตรงๆ แบบไม่ถ่อมตัว พี่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองไหมครับ? อะไรทำให้พี่ภาคภูมิใจที่สุด?
????เวลาเหนื่อยๆ เจอปัญหา พี่ผ่านเรื่องพวกนั้นมาได้ยังไงหรือครับ สอนน้องเป็นวิทยาทานหน่อยสิครับ
ฯลฯ
ถ้าคุณสังเกตดีดี ในการถามคำถามเหล่านี้ จะมีสิ่งที่คล้ายกันในทุกคำถามคือ
ใช้คำถามปลายเปิด คือให้ผู้ถูกถามมีโอกาสได้พูดมากขึ้น แสดงความรู้สึกของเขามากขึ้น
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา
เป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่ทำมาจนสำเร็จมาถึงทุกวันนี้
เป็นคำถามที่ดึงเอาสิ่งดีดีในชีวิตเขาออกมา เช่น ความเพียรพยายาม การสู้ไม่ถอย การทำงานหนัก วิธีเอาชนะปัญหาต่างๆ ในชีวิตของเขา
แล้วก็มีคำถามเข้าเรื่อง เพื่อให้เชื่อมโยงกับสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอ (ขายประกันนั่นแหละ)
✅ ทำงานหนักขนาดนี้ นอกจากทำเพื่อตัวเอง แล้วเพื่อใครอีกบ้างครับเนี่ย?
✅แล้วพวกเขารู้ไหมว่าพี่ทำงานหนักขนาดนี้เพื่อพวกเขา?
✅โอ้โห นับว่าพี่นี่เป็นเสาหลักของบ้านเลยนะครับ หนึ่งคนแต่เลี้ยงดูรับผิดชอบอีกหลายๆ ชีวิตในครอบครัว
เมื่อคุณแน่ใจว่าเขาชอบอัธยาศรัยคุณแล้ว และพร้อมจะรับฟัง คุณจึงเริ่มขายไอเดีย
ตัวแทน: ถ้าวันนี้พี่หยอดกระปุกแบบลืมๆ สักวันละ 20 บาท (ชูกระปุกออมสินรูปหมู)
เหมือนให้ลูกไปกินขนม เหมือนซื้อก๋วยเตี๋ยวสักชาม
รู้สึกเป็น “ภาระ” มากเลยไหมครับ
ผู้มุ่งหวัง: ก็ไม่นะ
ตัวแทน: พี่ว่าในยามฉุกเฉิน เงินก็ยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อครอบครัวของเราทุกคนมากๆ เลยใช่ไหมครับ?
ผู้มุ่งหวัง: แน่นอน เงินสำคัญเสมอ
ตัวแทน: ถ้าสมมติว่า กระปุกใบนี้เป็นกระปุกออมสินวิเศษล่ะ?
คือผู้หยอด หยอดวันละ 20 หยอดไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร
แต่ปรากฏว่า หยอดไปได้แค่ปีเดียว แล้วผู้หยอดเกิดต้องจากไปก่อนวัยอันควร
พอลูกหรือพ่อแม่เขาไปทุบกระปุกนี้ กลับกลายเป็นว่า มีเงิน 300,000 อยู่ในนั้น
ไม่ใช่แค่ 365 x20 = 7,300 บาท
แบบนี้เท่ากับว่า คนที่เรารักก็ได้เงินก้อนโตจากออมเงินกับกระปุกออมสินใบนี้
ถ้ามีกระปุกออมสินแบบนี้จริงๆ พี่อยากหยอดไหมครับ?
ผู้มุ่งหวัง: มีจริงเหรอ?
ตัวแทน: ผมถามพี่อีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ ถ้ามีแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงกัน พี่อยากได้ไหมครับ?
จากนั้นตัวแทนจึงเฉลย
เพราะตัวแทนส่วนใหญ่มุ่งขาย โดยไม่ได้อธิบายถึงประโยชน์ของการออมกับประกันชีวิต
ส่วนใหญ่มุ่งขายๆๆ พอขายไม่ได้ก็ตามตื๊อ ทำให้ลูกค้าเอือมระอา พอมีตัวแทนมา ประสบการณ์เดิมก็ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ ปิดใจ ไม่อยากฟังตัวแทนเสีย แล้วเพราะกลัวเรื่องเดิมๆ
แต่วันนี้ผมพูดกับพี่แบบเปิดใจ มาเพื่อแก้ปัญหาพี่ ไม่ได้มาเพื่อประโยชน์ผมก่อน
การทำประกันไม่เหมือนการออมแบบอื่น ตรงที่
การลงทุนอื่นๆ หรือการทำธุรกิจ เป็นการ “สร้างเงิน” แบบค่อยๆ เดินทางไปหา
ต้องลงทุน ลงแรง และใช้เวลา
หาก เวลาหมดก่อน คือจากไปก่อนวัยอันสมควร
หรือ แรงหมด คือ พิการทุพพลภาพ
สองเหตุการณ์นั้นจะทำให้ หัวหน้าครอบครัวเดินทางไปไม่ถึงเป้าหมาย
ผลที่ตามมา คือ คนที่เขารักและห่วงใยยังต้องลำบาก
แต่ในการออมกับประกันชีวิต
เราสามารถเอาเป้าหมายมาไว้กับตัวก่อน แล้วค่อยๆ ทยอยผ่อนฝากไป
เช่นอยากได้เป้าหมายเป็นกองทุนมรดกเงินสด หรือ เงินสดฉุกเฉินให้คนที่พี่รักและห่วงใยสัก 300,000 บาท ก็ออมวันละ 20 บาท อย่างที่ผมเปรียบเทียบกับการหยอดเงินในกระปุกไงครับ
วันนี้อยากสร้างเงินสดให้ลูก (คนที่รัก) ที่วงเงิน 300,000 หรือ 600,000 ดีครับ
(แต่เวลาเก็บเบี้ย เก็บเป็นรายปีนะครับ)
ดู 1,002, ตอบ 0