โดย ชัยยะพัส อินจงกลรัศม์ 19/7/64 19:47 บทเปิดใจนักการเมือง
นักการเมืองชอบบอกว่า “นักการเมืองทำประกันไม่ได้ !!”
ตัวแทน: ครั้งนี้ดิฉันไม่ได้คุยกับท่านในฐานะตัวแทนประกันชีวิตนะคะ
ดิฉันขอเรียนถามท่านนักการเมืองในฐานะประชาชนคนไทยคนนึงค่ะ
ท่านคะ ท่านเข้าสู่การเมืองด้วยเจตนาอย่างไร ท่านมีอุดมการณ์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไรคะ?
นักการเมือง: ผมต้องการทำเพื่อพี่น้องประชาชน ผมต้องการพัฒนาประเทศชาติ ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ดีกินดี ฯลฯ
ตัวแทน: ท่านคะ น่าแปลกใจไหมที่นักการเมืองบางคนซื้อเสียงถล่มทลายเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามานั่งในสภา และก็มีนักการเมืองหลายคนที่ไม่ได้ใช้เงินซื้อเสียงสักบาท แต่ประชาชนก็เลือกเขาทุกสมัย
ท่านว่านักการเมืองทั้งสองประเภทในความคิดของท่านต่างกันตรงไหนคะ อะไรที่ทำให้ประชาชนรักและศรัทธาในนักการเมืองแบบที่สอง
นักการเมือง: ......
(ตรงนี้นักการเมืองท่านนี้จะพูดอะไรก็ได้ ผมแน่ใจว่า เขาจะพูดในทางที่ดีแน่นอน)
ตัวแทน: เพราะนักการเมืองน้ำดี เป็นแบบอย่างที่ดีให้ประชาชน และแสดงให้ประชาชนประจักษ์ในความดีของเขาใช่ไหมคะท่าน
นักการเมือง: อืม...
ตัวแทน: ท่านทราบดีอยู่แล้วว่า ประกันชีวิตสำคัญต่อภาคประชาชนแค่ไหน
1.ในระดับปัจเจกถึงระดับครัวเรือน
ครอบครัวปลอดภัยเมื่อหัวหน้าครอบครัวผู้ที่หารายได้จากไป ครอบครัวยังมีสินไหมมรณกรรมชดเชยจากบริษัทประกันชีวิต ช่วยเลี้ยงดูครอบครัว คนเกษียณอายุมีเงินออมใช้ยามเกษียณ
ซึ่งปัญหาทั้งสองอย่างนี้ รัฐบาลประเทศไทยยังไม่เคยแก้ปัญหาสำเร็จ ตั้งแต่เรามีประเทศไทยมา
ถ้าคนในชาติมีสัดส่วนการทำประกันชีวิตสูงเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว อย่าง
คนญี่ปุ่น มีอัตราการทำประกันชีวิต 300% กว่า เฉลี่ยประชากร 1 คนมีประกัน 3 ฉบับกว่าๆ
ใกล้ๆ เรา ประชาชนสิงคโปร์มีประกันชีวิต 276% เฉลี่ยประชากร 1 คนมีประกัน 2.76 ฉบับ
คนในชาติเหล่านี้ เวลาใครเขาเสียชีวิต ก็ไม่ต้องไปร้องขอให้รัฐบาลช่วย ไม่ต้องไปยกป้ายประท้วงหน้าสภา หรือมาร้องขอเอากับท่าน พวกเขาป้องกันปัญหาในครอบครัวตัวเองไว้แล้ว
เวลาเขาแก่ เขาไม่ต้องมารอรับเงินเบี้ยผู้สูงวัย เดือนละ 500 เดือนละ 1,000 บาท ซึ่งดิฉันถามท่านจากใจประชาชนชนคนนึง พอ...เลี้ยงดูตัวเองตอนแก่ไหมคะ?
เวลาคนในชาติที่เจริญแล้วป่วยไข้ เขารักษาด้วยสวัสดิการจากประกันชีวิต ไม่ต้องรอ บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคแบบบ้านเรา นั่นถือเป็นการช่วยลดภาระรายจ่ายของรัฐบาลด้านสวัสดิการของประชาชน
2.ในระดับมหภาค
ประกันชีวิตช่วยระดมเงินทุนจากคนในชาติ เบี้ยประกันส่วนใหญ่ถูกกฏหมายบังคับให้ซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพราะต้องการความมั่นคงปลอดภัยให้กับผู้ออมในระบบประกันชีวิต รัฐได้เงินจากตรงนี้ไปพัฒนาชาติ พัฒนาสาธารณูปโภค ไม่ต้องกู้เงินนอก ไม่ต้องกู้ IMF ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร ชาติเรามีศักดิ์ศรี ไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นทางการเงินของชาติใดในโลก
เมื่อท่านเข้าใจถึงความสำคัญทั้งสองระดับ
ท่านเป็นบุคคลสำคัญของชาติ ดิฉันเชื่อจากใจค่ะ ประชาชนเลือกท่านมาเพราะเห็นในคุณค่าความดีและความเสียสละของท่าน
เมื่อท่านรู้แบบนี้
ดิฉันเรียนท่านข้อเดียวค่ะ
“ถามว่า นักการเมืองทำประกันไม่ได้? หรือ นักการเมืองทุกคนควรทำเพื่อเป็นแบบอย่างให้ประชาชนเห็น เพราะท่านคือ Role Model ของคนที่เลือกท่านเข้ามาในสภา”
หากคนระดับสูงไม่เป็นแบบอย่าง ไม่เห็นความสำคัญ เราจะหวังอะไรที่จะให้ประชาชนทำตาม
ท่านเห็นด้วยกับดิฉันไหมคะ
“การกระทำเสียงดังกว่าคำพูดเสมอ!!"
ประเด็นสุดท้ายค่ะท่าน
ท่านเห็นด้วยไหมค่ะ
เราทุกคนรู้ว่า...ต้องจากโลกนี้ไปในวันหนึ่ง
แต่ไม่มีสักคนนึงรู้ว่า...ต้องจากไปในวันไหน
สักวันหนึ่ง ทรัพย์สินที่ท่านทิ้งไว้ก็คงเป็นของลูกหลาน มินานทุกคนก็ลืมเลือนท่านไป
มันเป็นสัจธรรม....
มีแต่ความดีงามที่สร้างไว้เท่านั้นที่จะเป็น “อนุสาวรีย์ในใจผู้คน” ตลอดกาล
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลก อย่าง
นายแมกไซไซ หรือ นายโนเบล ต่างก็ทิ้งอนุสาวรีย์ในใจผู้คน
พวกเขาตั้งกองทุนเพื่อมอบให้แก่ผู้คนในสาขาวิชาต่าง เพื่อให้ผู้รับรางวัลแมกไซไซ หรือ รางวัลโนเบล นำเงินไปทำงานวิจัย หรือสร้างประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติต่อไป
ประกันชีวิตฉบับนี้ ท่านจะยกประโยชน์ให้กับครอบครัว
ท่านก็สร้างอนุสาวรีย์ในใจลูกหลานของท่าน
หรือ
ประกันชีวิตฉบับนี้ท่านจะยกให้เป็นสาธารณกุศลแก่ผู้คนในชาติ
ผู้คนก็จะแซ่ซ้องสรรเสริญในความเสียสละของท่านแม้ท่านจะวายชนม์ไปแล้ว
ท่านได้ “สร้างอนุสาวรียในใจ” ผู้คนไปอีกนานแสนนาน
ขอบุญกุศลจงส่งถึงท่านและครอบครัว
วันนี้ท่านจะสร้างอนุสาวรีย์ในใจผู้คนที่วงเงิน 30 ล้าน หรือ 50 คะท่าน
ดู 981, ตอบ 0