????ถาม:
พี่เจฟคะถ้าเราจะเข้าไปรีครูท จะเริ่มต้นอย่างไรดีคะ
.
พอนัดเขารีบถามเลยว่าเรื่องอะไรบอกก่อนได้ไหม???? เสมือนกลัว แบบตั้งกำแพงไว้ก่อน
.
เราก็บอกว่าไม่มีอะไร อยากช่วยทำแบบสอบถามข้อมูล เดี๋ยวจะเข้าไปหา
.
แบบนี้ใช้ได้ไหมคะ
.
✅ตอบ:
ก่อนจะตอบคำถาม
ผมอยากให้คุณลองจำลองสถานการณ์ หากคุณเป็นผู้มุ่งหวัง แล้วมีคนโทรหาคุณ แล้วอยากนัดคุยกับคุณ
.
คุณก็เลยถามเขาไปว่า “เรื่องอะไร บอกก่อนได้ไหม”
.
แล้วเขาก็ตอบคุณว่า “ไม่มีอะไร อยากให้ช่วยทำแบบสอบถามข้อมูล เดี๋ยวจะเข้าไปหา”
.
ตัวคุณเองรู้สึกอย่างไร??? (คิดแบบจริงจัง)
.
????????มาลองวิเคราะห์กันดูนะครับ
.
คำว่า “ไม่มีอะไร” คำนี้กระตุ้นต่อม “ทะแม่ง” เขาจะเริ่มคิดว่ามีอะไรทะแม่งๆ ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
.
จะมาขายอะไร หรือ มาชวนทำอะไร และเวลาใครมาชวนทำอะไร คนจะกลัวเสียเงินเสียทอง กลัวถูกหลอก
.
เขาจึงตั้งการ์ด ตั้งกำแพง เพราะคำพูดของคุณไปปิดหัวใจเขาตั้งแต่แรก (นักขายประกันชีวิตหลายคนก็ใช้ปริบทคล้ายๆ กันนี้ในการทำนัด
.
คำพูดลักษณะนี้ปิดหัวใจ และสร้างความกลัวถูกขายให้กับผู้มุ่งหวังเช่นกัน)
.
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณคิดว่า เมื่อคุณไปถึง แล้วคุณเริ่มชวนเขา สิ่งที่เขาคิดไว้เริ่มเข้าเค้าความจริง เขาจะรู้สึกกับคุณอย่างไร?
.
นี่เป็นเหตุผลที่การรีครูทที่ผิดวิธีทำให้เสียเพื่อน เสียมิตรภาพมาแล้วหลายคน เพราะไม่พูดความจริงเสียแต่เริ่มต้น
.
“การรีครูท” ก็คือการขายชนิดหนึ่ง
.
เป็นการขายอาชีพ ขาย “โอกาส” ในการสร้างธุรกิจ สร้างรายได้
.
????????ถ้าคุณเข้าใจทฤษฎีการขายอย่างถ่องแท้ คุณจะเข้าใจว่า คนซื้อ “ประโยชน์” สินค้า ไม่ใช่ตัวสินค้า
.
เหมือนที่ผมเคยสอนว่า
ให้คุณขาย “กลิ่นไก่ย่าง” แทนที่จะขายตัวไก่
.
ก่อนจะรีครูท (ขายอาชีพ) เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมคำพูดให้พร้อม
.
1. มายเซ็ตต้องทรงพลัง คุณกำลังส่งมอบโอกาสทางธุรกิจที่เยี่ยมยอดให้ผู้คน คุณไม่ได้ไปขอใคร
.
2. อย่างดีที่สุด ก็แค่ไม่ได้ร่วมงานกัน นั่นอาจเพราะเขาไม่เห็นโอกาส หรือ เพราะเรายังไม่แก่กล้า ยังไม่ชำนิชำนาญในวิชาการรีครูท
.
3. มีบทพูดที่ชัดเจนในแต่ละกลุ่มบุคคล และ สถานการณ์ (เรื่องนี้เรียนกันนาน)
.
????หากให้ผมแนะนำ
บทโทรทำนัดเพื่อรีครูท ควรมีลักษณะดังนี้
.
1. ทำให้เขาฉงน ด้วยเทคนิค “สิบคำแรกสำคัญกว่าหมื่นคำถัดไป” มีบทพูดที่ชัดเจน
.
2. ตรงไปตรงมา
.
3. ไม่ตื้อ ง้อ ขอขาย
.
4. ถามคำถาม แทนที่จะพูดแต่ “ประโยคบอกเล่า”
.
5. น้ำเสียงที่ทรงพลัง มั่นใจในตัวเอง มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ
.
บทโทรทำนัดเพื่อการรีครูท
.
ผู้บริหาร: ในยุคที่โควิดระบาด เศรษฐกิจขาลง คุณคิดว่าการมีรายได้ช่องทางเดียว กับ หลายช่องทาง แบบไหนดีต่อครอบครัวมากกว่ากันครับ
.
ผู้มุ่งหวัง: รายได้หลายช่องทาง
.
ผู้บริหาร: คุณว่ามันสมเหตุสมผลไหม ถ้าธุรกิจเราได้ช่วยคนจริงๆ แบบไม่หลอกตัวเองนะ และตัวเราก็มีรายได้อีกช่องทาง win-win หมด ทั้งลูกค้าที่ซื้อสินค้าเรา และ ตัวเราในฐานะผู้ทำธุรกิจ
.
เวลาเพื่อนป่วย ญาติป่วย คุณไปเยี่ยมไหม?
.
ผมว: ไปสิ
.
ผู้บริหาร: ส่วนใหญ่ คุณเอาอะไรไปเยี่ยมเพื่อนหรือครับ?
.
ผมว: กระเช้าผลไม้บ้าง รังนกบ้าง
.
ผบ. คุณคิดว่า ตอนเพื่อนเรา ญาติเราป่วยหนักๆ เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด เขาจะมีแก่ใจอยากทานผลไม้ รังนกที่เราเอาไปให้ไหม? เราแค่ทำเป็นมารยาทมากกว่าที่จะหวังให้เขาทานมันจริงๆ ใช่หรือไม่?
.
ผมว. ..... ก็จริง
.
ผบ. สมมติวันนี้ถ้าเปลี่ยนบทบาทได้ ระหว่างการเอากระเช้าไปเยี่ยมไข้ กับ คุณไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้เพื่อน ให้ญาติ แถมมีเงินไปชดเชยรายได้ที่เขาต้องสูญเสียในแต่ละวัน เพราะไปทำงานไม่ได้
ถามจริงๆ นะ ถ้าเลือกได้จริงๆ คุณอยากเลือกแบบไหน?
.
ผมว. แบบที่สอง
.
ผบ. แต่คุณไม่ต้องใช้เงินคุณเองหรอก ใช้เงินบริษัทนี่แหละ เพียงแต่คุณแค่บอกเขาล่วงหน้า ให้เขาปกป้องตัวเขาเองล่วงหน้า
.
หรือ กรณีที่สอง
ถ้าวันนี้เพื่อนคุณ หรือ ญาติคุณเสียชีวิต คุณต้องไปงานศพพวกเขาไหมครับ
.
ผมว. ไปสิ
.
ผบ. แล้วคุณเอาเงินใส่ซองไปให้เจ้าภาพ ถูกไหม? คุณเคยใส่ซองงานศพมากที่สุดเท่าไหร่ครับ?
.
ผมว. ก็ ห้าร้อยบ้าง พัน สองพัน บ้าง
.
ผบ. แล้วก็ฟังพระสวด ถ้าคุณมองไปรอบๆ ในขณะพระสวด มีหลายคนนั่งเล่นไลน์ เฟซบุค เล่นเกม
.
คุณคิดว่าคนในงานสักกี่คน ที่แคร์จริงๆ ว่า
ชีวิตของผู้สูญเสียหัวหน้าครอบครัวจะเป็นอย่างไร หลังจากงานศพผ่านไป?
.
แคร์จริงๆ ว่า
แม่หม้ายจะเลี้ยงลูกของเธอยังไง เมื่อสูญเสียรายได้จากสามีไปตลอดกาล
.
หรือ ถ้าผู้ตายมีพ่อแม่ที่แก่เฒ่า ใครจะเลี้ยงดูพ่อแม่ของเขา
.
พองานศพเลิก ต่างก็แยกย้าย บางคนยังไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ต่อ ไม่มีใครแคร์จริงๆ หรอกครับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา
.
หรือ อาจมีคนแคร์ แต่เขาจะช่วยได้จริงๆ หรือ ถ้าต้องจ่ายเงินก้อนโตให้แม่หม้าย หรือ พ่อแม่ชราของผู้ตาย
.
ผมถามคุณจากใจมนุษย์คนนึง
.
ถ้าคุณเลือกได้ ระหว่าง
ใส่ซอง ห้าร้อย หรือ พันนึง
เปลี่ยนเป็นใส่ซอง สัก ห้าแสน หรือ ล้านนึง
แบบไหนจะช่วยครอบครัวผู้ตายได้มากกว่ากัน?
.
แต่คุณไม่ต้องเอาเงินคุณจ่าย เอาเงินบริษัทนี่ล่ะจ่าย
คุณเป็นเพียงทูตสวรรค์นำเงินไปช่วยเขา
.
แบบนี้คุณได้ช่วยครอบครัวผู้ตายอย่างเป็นรูปธรรมกว่าหรือไม่?
.
(เว้นจังหวะ ให้เขาได้คิดบ้าง อย่าเอาแต่ พูดๆๆๆ ให้ฟังด้วย)
.
ผมว. ใส่ซองสักห้าแสน หรือ ล้านนึงน่าจะช่วยเขาได้มากกว่า
.
ผบ. นั่นแหละ สิ่งที่ผมกำลังจะไปคุยกับคุณ คุณได้ช่วยคน
.
ในขณะที่คุณช่วยคน คุณก็ได้ช่วยครอบครัวตนเอง มีรายได้อีกหนึ่งช่องทางเข้ามา คุณว่าทำกุศลแล้วได้เงินด้วย มันมีเหตุมีผลไหม?
.
ผมว. อืม...
.
ผบ. แต่รายละเอียดมันเยอะ จึงต้องทำนัดอย่างเป็นกิจลักษณะ คุยกันแบบมืออาชีพ
.
ถ้าคุยกันแล้ว เอ้อ ดี เวิร์ค ก็ค่อยว่ากัน
.
แต่ถ้าคุณคิดว่ามันไม่ใช่ “วิถี” ของคุณ ก็ขอให้คุณลืมมันซะ
.
และผมจะคุยกับคุณในเรื่องนี้แค่เพียงครั้งเดียวในชีวิต แบบนี้ แฟร์ไหม?
.
(ปิดการนัดหมาย)
สะดวกเป็นวันธรรมดา หรือ เสาร์อาทิตย์
ช่วงบ่าย หรือ เย็นดี
.
สถานที่ออฟฟิศฉัน หรือ สถานที่กลาง
.
อาจารย์สอนผมให้เป็นมืออาชีพ ดังนั้นผมจะไปก่อนเวลาเสมอ 30 นาทีแน่นอน